บันทึกการเดินทาง Travel Japan 2017 ::: เที่ยวสวนสวย ๆ Uminonakamichi Seaside Park และสวนกลางคืน Mifuneyama Rakuen :::
Travel Japan 2017 : Day 4 เที่ยวสวนสวย ๆ Uminonakamichi Seaside Park และสวนกลางคืน Mifuneyama Rakuen
ติดตามอ่านบทนำ ข้อมูลก่อนเดินทางทริปนี้ได้ที่นี้
+
ติดตามเรื่องราวการเดินทางได้ที่นี้
+ ตอนที่ 01 : บันทึกการเดินทาง ::: ” คิวชู ” เกาะใต้ของญี่ปุ่นที่ต้องกลับไปอีกครั้ง :::
+ ตอนที่ 02 : บันทึกการเดินทาง ::: พาไปนั่งรถไฟขบวน Aso Boy ! ” แต่ ” ผิดแผนที่สวน Kawachi Fuji Garden :::
+ ตอนที่ 03 : บันทึกการเดินทาง ::: เที่ยวเมืองเล็ก ๆ อย่าง Kitsuki และกลับไปยัง Yufuin อีกครั้ง :::
+ ตอนที่ 04 : บันทึกการเดินทาง ::: เที่ยวสวนสวย ๆ Uminonakamichi Seaside Park และสวนกลางคืน Mifuneyama Rakuen ::: < กำลังอ่านอยู่บทความนี้ >
+ ตอนที่ 05 :
Day 4 วันที่ 25 เม.ย. 2017 วันนี้ตอนที่ 4 แล้วนะครับ เข้าสู่วันที่ 4 ในคิวชูเป็นวันที่ วันนี้มีแผนหลัก ๆ คือไปดูดอกไม้สีม้าที่เรียกว่า Nemophila insignis Blue ( เนโมฟีลา ) ซึ่งจะเป็นดอกไม้สีฟ้าเป็นทุ่งที่สวนสาธารณะไม่ไกลจากฟุกุโอกะ นั้นคือสวนสาธารณะ Uminonakamichi Seaside Park และกลางคืนจะไปดูช่วง Light Up ที่สวนที่ชื่อว่า Mifuneyama Rakuen จะอยู่ที่เมือง Saga นั่งรถไฟไปประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ในช่วงเช้าต้องรอพี่ที่เขาไปข้างคืนที่ยูฟูอิน ( Yufuin ) ช่วงเช้าเลยพาแม่ไปศาลเจ้าเมืองดาไซฟุ ( Dazaifu ) กันก่อนในช่วงเช้า เอาเป็นว่ามาติดตามบันทึกการเดินทางในวันที่ 4 นี้กันเลยครับ
เช้าวันนี้เริ่มออกเดินทางจากโรงแรมที่พัก Hotel New Gaea Hakata-Eki Minami เช้าโรงแรมไม่มีอาหารเช้านะครับ เดียวไปกินกันแถวสถานีรถไฟ Hakata
ออกมาจากโรงแรมแล้วเดินเลี้ยงขวามาเรื่อย ๆ จะเจออุโมงค์รอดข้ามทางรถไฟ
เราก็เดินทะลุไปอีกฝากของถนนจะเจอ 3 แยกให้เลี้ยวซ้าย
เดินตรงไปข้างหน้าก็จะเห็นสถานีรถไฟ Hakata Station แล้วครับ เดินไม่ไกลมาก
เดินผ่านสวนสาธารณะข้ามถนนไปอีกฝั่ง ข้างหน้าเป็นห้าง Yodobashi-Hakata ซึ่งติดกับสถานีรถไฟ Hakata Station
ที่จอดฝากรถจักรยานแถว ๆ สถานีรถไฟ Hakata Station เช้า ๆ ผมจะเห็นคนปั่นจักรยานมาฝากไว้ตามสถานีเยอะมาก ( บ้านเราน่าจะมีที่ฝากจอดรถจักรยานไว้ตามสถานีรถไฟฟ้าแบบญี่ปุ่นมั้ง )
เตรียมตัวเดินทางไปยังศาลเจ้าเมืองดาไซฟุ ( Dazaifu ) อาศัยเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินในสถานี Hakata Station
ไปยังศาลเจ้าเมืองดาไซฟุ ( Dazaifu ) ขึ้นชานชาลาที่ 2 วันนี้เราออกเช้าหน่อยได้ขึ้นรถช่วง 8 โมงเช้าคนไม่เยอะเท่าที่โตเกียว
จากสถานี Hakata Station ไปยังสถานี Tenjin Station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 นาที เป็นรถไฟสายเอกชน แต่วันนี้เราเปิดบัตร Fukuoka Tourist City Pass 1 Day ที่ซื้อมาตั้งแต่วันแรก ก็ไม่ต้องจ่ายอะไร โชว์บัตรแล้วผ่านได้เลย
ถึงสถานี Tenjin Station มองหาป้ายเพื่อไปสถานีรถไฟ Nishitetsu Tenjin Ōmuta Line เพื่อไปยังศาลเจ้าเมืองดาไซฟุ ( Dazaifu ) เดินไปตามทางออกหมายเลข 6
เดินกันใต้ดินจะเป็นห้างร้านเยอะแยะด้านใน แต่เรามาเช้ามากร้านค้ายังไม่เปิดกัน เราก็เดินตามป้ายไปเลย
สังเกตุด้านบนจะมีป้ายบอกชัดเจนว่าไป Nishitetsu Tenjin Ōmuta Line สถานีรถไฟนี้จะอยู่ชั้นบนของตัวอาคาร
ถือบัตร Fukuoka Tourist City Pass 1 Day โชว์ให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วเดินผ่านเหมือนเคยขึ้นไปด้านบน
สถานี Nishitetsu Fukuoka (Tenjin) Station จะมีรางทั้งหมด 3 รางด้วยกันดูป้ายดี ๆ นะครับมันจะมีสามสี น้ำเงิน , เขียว , ส้ม ถ้าจะไปศาลเจ้าเมืองดาไซฟุ ( Dazaifu ) ให้เร็วก็ขึ้นป้ายสีเขียวและสีส้มนะครับ ถ้าขึ้นสีน้ำเงินจะจอดทุกสถานีกันเลยทีเดียว
วันนี้วันที่ชาวญี่ปุ่นทำงานเส้นรถไฟออกนอกเมืองฟุกุโอกะในช่วงเช้าคนจึงไม่เยอะ เหมือนวันเสาร์ – อาทิตย์
อันนี้คือป้ายภายในรถไฟอย่างที่อธิบายไปว่าถ้าจะไปถึงศาลเจ้าให้เร็วให้ขึ้นรถป้ายนำหน้าสีส้ม หรือ เขียว เพราะจะจอดน้อยที่สุดไปยังลงยังสถานี Nishitestu Futsukaichi
ใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาทีก็ถึงสถานี Nishitestu Futsukaichi
จะมีป้ายบอกว่าถ้าจะไปยังสถานี Dazaifu ให้ไปยังชานชาลาที่ 1 ให้ดูป้ายภายในสถานีกันอีกที
มีป้ายตอดลทางไม่ต้องกลัวหลงเลยครับจะเขียนว่า For Dazaifu วันนี้ผมรอไม่นานครับลงไปยังชานชาลา 1 รถไฟก็พร้อมจะออกอยู่แล้วเลยต้องรีบวิ่งขึ้นรถไฟ
จากสถานี Nishitestu Futsukaichi ไปยังสถานี Dazaifu เป็นระบบรถไฟทางเดี่ยวผ่ากลางบ้านผู้คนกันเลยทีเดียวแต่ใช้เวลาไม่นานครับประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว
รถไฟก็มาจอดยังสถานี Dazaifu เป็นสถานีสุดท้ายแล้วรถไฟขบวนนั้นก็เตรียมตัวกลับไปยังสถานี Nishitestu Futsukaichi วนกันอยู่เพียงแค่นี้ 2 สถานี
เราก็มาถึงแล้ว Dazaifu Tenmangu Shrine และ Kyushu National Museum จะอยู่ติดกัน ๆ ทั้งสองที่เดินไปทางเดียวกันนั้นเลยครับ
ก่อนออกจากสถานีแอบไปเห็นเขามีแผ่นกระดาษแจกไว้ให้แสตมป์ตราประทับ เราก็เลยแสตมป์เก็บไว้เป็นที่ระลึกเช่นเคย
ตรงสถานีมีตราแสตมป์ให้ 2 แบบด้วยกัน ส่วนอีกที่เหลืออีก 4 ตราก็ไม่รู้จะต้องไปหาตรงไหนเหมือนกันเลยผ่าน
ตอนประทับตราดูให้ดีตอนประทับลงไปตรามันจะสวยไม่สวยอยู่ตรงนี้ แล้วเราก็จะได้ของที่ระลึกกลับมาอีก 1 อย่างแล้ววันนี้
เสร็จการประทับตราเรียบร้อยเราก็เดินออกจากสถานีไปตรงที่มีเจ้าหน้าที่อยู่แล้วยื่นบัตร Fukuoka Tourist City Pass 1 Day ให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วเดินออกไปได้เลย
ออกจากสถานีให้เดินตามทางขวามือแล้วเจอถนนคนเดินก็ให้เลี้ยวขวาเดินตรงตามทางไปเลยครับ
ช่วงเช้าแบบนี้ยังไม่ค่อยมีทัวร์จีนมาลงเท่าไหร่ ถ้าตอนสาย ๆ หรือบ่าย ๆ ที่เคยมาครั้งก่อนต้องเรียกว่าเพียบกันเลยทีเดียว แต่เช้านี้ไม่คนไม่เยอะเท่าไหร่
มาถึงเช้าแบบนี้ต้องหาไรทานเย็น ๆ ให้ตื่นกันซักหน่อยก็ต้องแวะนี้เลย Starbucks ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดร้านนึงในประเทศญี่ปุ่น อาคารรอบ ๆ ในบริเวณนี้เป็นบ้านญี่ปุ่นหมดทางทีมผู้ออกแบบจึงออกแบบให้คล้ายคลึงกับสภาพเมืองที่เป็นอยู่
และด้วยสถานที่ตั้งที่มีนัยสำคัญทาง บริษัท Kengo Kuma and Associates ที่ออกแบบร้านนี้จึงพยายามที่จะออกแบบร้านให้กลมกลืนกับสถานที่ให้ได้มากที่สุด แม้กระทั่งภายในร้านยังตกแต่งด้วยท่อนไม้เรียงขนาดกัน
วันนี้มาลองของใหม่พึ่งวางขายได้ไม่นาน American Cherry Pie แม่บอกก็อร่อยใช้ได้
รอบนี้ซื้อการ์ด Starbucks Fukuokda กลับไปเป็นที่ระลึก
เรียบร้อยกันแล้วก็เตรียมเดินทางเข้าศาลเจ้ากันได้แล้ว ถ่ายรูปหน้าร้านกันซักหน่อยก่อนจากไป
สองข้างทางก่อนถึงศาลเจ้านี้ร้านขายของเต็มไปหมด แต่เราไปยังเช้าอยู่บางร้านก็ยังไม่เปิด
แวะชิมโมจิระหว่างทางเดินไปศาลเจ้า ร้านไหนอร่อยไม่รู้แต่รู้ว่าอร่อยทุกร้านหลังจากลองชิมทุกร้านที่เปิดในตอนเช้า
เดินไปจนสุดทางเดินถนนแล้วเลี้ยวซ้ายมือจะเจอสะพานแดงเพื่อข้ามไปยังศาลเจ้าศาลเจ้าเทนมานกุ แห่งเมือง ดาไซฟุ ( Dazaifu )
เดินข้ามสะพานมาเรื่อย ๆ จะถึงทางเข้าศาลเจ้าศาลเจ้าเทนมานกุแห่งเมืองดาไซฟุ ( Dazaifu ) เป็นหนึ่งใน 2 ศาลเจ้าเทนมานกุที่สำคัญที่สุดในบรรดาศาลเจ้าเทนมากุทั้งหมดกว่าพันแห่ง อีกแห่งคือศาลเจ้าคิตาโน่เทนมานกุ ( Kitano Tenmangu ) ที่อยู่ในเมืองเกียวโต
ตามทำเนียมปฏิบัติของชาวญี่ปุ่นก่อนเข้าวัดกับศาลเจ้า ต้องล้างมือ ล้างปาก ก่อนเข้า ถ้าใครไม่เคยมาหรือมาครั้งแรกด้านบนจะมีภาพแสดงวิธีการที่ถูกต้องในการล้าง ก่อนเข้าไปยังศาลเจ้า
ใครทำไม่ถูกเดียวนี้ที่ศาลเจ้าจะมีภาพประกอบให้ดูว่าจะต้องทำอย่างไรก่อนเข้าศาลเจ้าหรือวัดต่าง ๆ ในญี่ปุ่น
เดินผ่านประตูแดงก็จะเข้าไปยังศาลเจ้าแล้ว ส่วนหลักของศาลเจ้า – ฟรี เวลาเปิด-ปิด : ส่วนหลักของศาลเจ้า – 6:00 น. – 19:00 น.
เดินเข้าไปด้านในสองด้านจะเป็นร้านขายพวกเครื่องรางต่าง ๆ สามารถหาซื้อได้เลยครับ เขาจะมีภาษาอังกฤษบอกว่าอันนี้เป็นเครื่องรางเกี่ยวกับเรื่องอะไร
ศาลเจ้าเทนมานกุดาไซฟุ ถูกสร้างขึ้นเพื่อสักการะนักปราชญ์ชื่อสุกาวะระ มิชิซาเนะ(Sugawara Michizane) และยังเป็นสัญลักษณ์ของการศึกษาเล่าเรียนด้วย โดยเริ่มต้นสร้างกันช่วงปี ค.ศ. 900 ในยุคเฮอัน ( Heian )
วันที่ไปนี้ด้านในศาลเจ้ากำลังมีพิธีอะไรกันอยู่ อันนี้ไม่ทราบแต่มีทีมทีวีมาทำข่าวด้วย
ไหว้เสร็จเราก็เดินไปด้านหลังของศาลเจ้าเทนมานกุดาไซฟุ ซึ่งจะเป็นสวน
ที่นี้จะเห็นว่ามีการเขียนขอพรกันมากมายเพราะที่นี้เป็นที่นิยมมาเสี่ยงเซียมซีและขอพรกัน จะเห็นได้ว่าเด็ก นร. ญี่ปุ่นจะมาเสี่ยงเซียมซีและขอพรกันเยอะที่นี้เพราะศาลเจ้าที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องการเรียน การสอบ
บริเวณด้านหลังของศาลเจ้าจะเป็นทางเดินไปยังสวนและก็จะมีศาลไม้เก่าตั้งเรียงรายกันอยู่ด้านหลังอาคารหลัก
ออกมาด้านหน้าเจอป้ายแขวนขอในเรื่องการเรียน เพราะศาลเจ้าแห่งนี้ชื่อเสียงมากๆ โดยเฉพาะในหมู่เด็กนักเรียน ที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ศาลเจ้า Tenmangu นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติสำหรับท่าน Sugawara Michizane ผู้ที่มีอัจฉริยภาพทางการเรียนรู้และมีความสามารถต่างๆมากมายตั้งแต่วัยเยาว์ เป็นที่เลืองลือโด่งดังมาก ท่านมิชิซะเนะเกิดที่กรุงเกียวโตเป็นนักวิชาการและนักการเมืองในยุคเฮอัน หลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตลง ชาวบ้านก็ยกย่องท่านในฐานะเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้หรือ Tenjin นั่นเอง
เดินกลับออกมาทางด้านหน้าไปทางซ้ายมือจะเป็นทางไปยัง พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของเกาะคิวชู ( Kyushu National Museum )
เดินผ่านตรงสระน้ำใหญ่ ๆ จะเป็นร้านอาหารซึ่งด้านบนตอนที่ไปมีดอกวิสเทอเรีย ออกดอกเป็นหย่อม ๆ
ถึงจะมีดอกวิสเทอเรีย ออกไม่มากแต่ก็เพียงพอให้เราแวะได้ถ่ายรูปด้านหน้าของร้านอาหาร
เดินเลยสระน้ำไปก็จะเจอทางเดินขึ้นไปยัง พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของเกาะคิวชู ( Kyushu National Museum )
ด้านในเป็นบันไดเลื่อนทางเดินยาวมากกว่าจะไปถึงตัวอาคารจัดแสดง
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติลำดับที่ 4 ขนาดใหญ่ยักษ์ โดยพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่นี่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการก็เมื่อปี 2005
อาคารเป็นอาคารกระจกสีน้ำเงินขนาดใหญ่ ายในนั้นมีการแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ
เข้าไปทางด้านในจะเจอ Information ที่เราสามารถสอบถามได้เพราะสื่อสารกันได้ด้วยภาษาอังกฤษ และในพวกแผ่นพับมีภาษาไทยด้วยนะครับ
ด้านในด้านบนจะเป็นที่จัดนิทรรศการแล้ว ด้านล่างก็จะมีร้านขายของที่ระลึกให้เราเลือกซื้อสินค้ากันได้
ค่าตั๋วเข้าชมอยู่ที่ราคา 430 เยน ซึ่งจะสามารถขึ้นไปยังด้านบนได้ แต่ด้านในห้ามถ่ายรูปนะครับ
ร้านขายของที่ระลึก Meseum Shop มีของน่ารัก ๆ ให้เลือกซื้อมากมาย
เราใช้เวลาอยู่ประมาณก่อนถึงเที่ยงเราก็กลับออกมาทางเดิมเหมือนตอนที่เราเข้าไปที่ผ่านสระน้ำหน้าศาลเจ้าเข้ามา
ตอนใกล้เที่ยงนี้คนก็เริ่มกันมาเยอะแล้ว รวมทั้งทัวร์ต่าง ๆ จากตอนเรามาเช้า ๆ คนไม่เยอะตอนนี้มองไปทางไหนก็มีแต่คน
ร้านขายของเปิดกันมากมาย ทั้งร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก ที่ญี่ปุ่นร้านค้าส่วนใหญ่จะเปิดกันประมาณ 10 โมงเช้า
ขากลับเราก็กลับมายังที่สถานีรถไฟสถานี Dazaifu เพื่อขึ้นรถไฟกลับไปยังสถานี Hakata
ขากลับรอบนี้ได้ขึ้นรถไฟขบวนที่เรียกได้ว่าตกแต่งสำหรับเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Dazaifu นั้นคือขบวนรถไฟที่มีชื่อว่า Tabito
รถไฟเที่ยวDazaifu “ รถไฟ Tabito ” ถูกตั้งตามผลงานบทกวี Otomo-no-Tabito ของนักปราชญ์ชื่อดัง Nobuyoshi Nishitakatsuji ซึ่งครั้งหนึ่งท่านเคยเป็นผู้ว่าราชการเมืองดาไซฟุ คำว่า Tabito ยังสามารถอ่านได้ว่า “Tabibito” หมายความว่านักเดินทางอีกด้วย
รถไฟคันนี้ สีชมพูอ่อนๆ ลายด้านในตกแต่งน่ารักๆ สวยงามแตกต่างกันในแต่ละขบวน สะท้อนในเห็นถึงภาพของดาไซฟุ เรียกได้ว่า ทางถึงดาไซฟุแล้วตั้งแต่ก้าวขึ้นรถไฟคันนี้
ด้านในตกแต่งออกโทนแนวสีชมพู และในแต่ละตู้จะมีลวดลายและความหมายแตกต่างกันไป
มาสคอตประจำรถไฟ Tabito เป็นเด็กผู้หญิงชื่อว่า Chiume-chan
ตู้ที่ผมได้นั่งเป็นตู้ที่ 5 Kikko ลายกระดองเต่า : สุขภาพดีและมีอายุยืน
เบาะที่นั่งสบายกว่าตอนขามาที่เป็นรถไฟธรรมดาเยอะ
เป็นเวลาที่นั่งไม่นานเลยจริง ๆ สำหรับขบวนนี้เพียงแค่ 2 สถานีสั้น ๆ เท่านั้นเอง ที่วิ่งรับส่งคนจากสถานี Futsukaichi Station กับสถานี Dazaifu Station เท่านั้น
ช่วงเส้นทางไปยังสถานี Dazaifu Station จะเป็นรถไฟเส้นทางเดี่ยว จะมีทางคู่ตรงจุดรอที่สถานี ตอนนี้เรารอหยุดให้ขบวนที่ไปยังสถานี Dazaifu ผ่านไปก่อน
กลับมายังสถานี Nishitestu Futsukaichi เพื่อต่อรถกลับไปยัง Hakata สามารถอ่านข้อมูลรถไฟขบวนนี้เพิ่มเติมได้ที่ >> http://www.nishitetsu.jp/train/tabito/index_en.html
ขากลับก็ข้ามฝั่งมาอีกฝั่งที่เขียนว่าไป For Fukuoka ( Tenjin ) แล้วรอเวลาขบวนรถไฟมาถึงก็เลือกนั่งเร็วหน่อยก็ป้ายเขียวกับป้ายแดง
นั่งรถไฟกลับมายังที่ Tenjin ก็เที่ยงนิด ๆ ก็คุยกันแม่ว่าเดียวไว้ไปหากินแถวสถานีรถไฟ Hakata ก็แล้วกันจะได้ไม่เสียเวลาที่จะไปต่อมาก
มาถึงที่ Tenjin ตอนเที่ยงต่างกับตอนที่มาตอนเช้ากันเลยทีเดียว เพราะร้านค้าเปิดกันหมดแล้วกับผู้คนเยอะแยะมากมาย
เดินลงบันไดมาเจอป้ายโปรโมทอนิเมะ Movie ตอนใหม่ของ Conan เรียกว่าที่นั้น Conan ได้รับความนิยมอย่างสูงเพราะมีภาค Movie ที่ฉายในโรงรวม ๆ แล้วตอนนี้ก็ 20 กว่าตอนเข้าไปแล้ว
เดินลงบันไดเลื่อนลงมาจากสถานี Nishietsu Fukuoka ( Tenjin ) ซึ่งอยู่ชั้น 2 ลงมาต่อรถไฟฟ้าใต้ดินที่ชั้น B2 เพื่อไปยังสถานี Hakata
จากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Tenjin Station นั่งสายสีส้มกลับมายังสถานี Hakata Station
ถึงสถานี Hakata Station ด้านล่างนั้นต้องบอกว่ามีร้านขายของกินมากมายหลายร้านให้เลือกกันเลยทีเดียว หากินง่ายมาก ๆ ในสถานีใหญ่แห่งนี้
รอบนี้เปลี่ยนจากอาหารญี่ปุ่นมาเป็นร้านอาหารไต้หวันกันบ้าง ซึ่งเป็นร้านที่ดังมากในไต้หวันเรื่องชานมไข่มุขที่อร่อยมากนั้นคือร้าน Chun Shui Tang ซึ่งในญี่ปุ่นเขียนเป็นชื่อร้าน Taiwan Cafe
สั่งเป็น Set จะได้ราคาถูกกว่านี้เลยสั่งชุดนี้เข้าไปมี บะหมี่ราดหน้ากุ้ง ติ๋มซำ และขนม
ที่ขาดไม่ได้ที่ต้องมากินกับชานมไข่มุข ซึ่งผมสั่งแก้วใหญ่มากินเลยเพราะชอบตั้งแต่คราวที่ไปเที่ยวไต้หวันแล้ว ทานเสร็จก็แยกย้ายกันไปซื้อของกันได้อีกนิดหน่อย ก่อนถึงเวลานัดกับพี่อีก 2 คนที่เมื่อคืนแยกนอนที่ยูฟูอิน
ตัวผมก็ไปซื้อของห้างใกล้ ๆ ที่ขายโมเดลนั้นคือ Yodobashi Hakata ซึ่งก็ไม่ไกลมากจากสถานีรถไฟ ได้ของมาเยอะเลย
ซื้อเกิน 1 หมื่นเยน เราก็ทำการ Tax Refunds 8% ได้เงินคืนเลย แต่ซื้อจริง ๆ เกินมามาก
ซื้อมาเยอะก็คงไม่ขนไปเที่ยวต่อด้วย ผมก็ไปฝากยัง Locker ในสถานีรถไฟ Hakata แล้วเดียวขากลับค่อยกลับมาเอา เพราะช่วงบ่ายเรามีแผนที่จะไปยังสวนริมทะเลยูมิโนนะกะ Uminonakamichi Seaside Park
เมื่อถึงเวลานัดเราก็เจอกับพี่อีก 2 คนเรียบร้อยก็ขึ้นขบวน Limited Express Sonic จากสถานี Hakata Station มายังสถานี Kashii Station
ถึงสถานี Kashii Station ก็ข้ามมาอีกฝั่งดูป้ายที่เขียนว่ามายัง For Uminonakamichi ตามในรูปคือทางออก 4 และ 5
ข้ามฝั่งเสร็จก็มายืนรอรถไฟไปยัง Uminonakamichi Seaside Park
รอสักพักก็มาถึงแล้วรถไฟสาย JR Kashii Line ” AQUA LINER ” ขบวนนี้จะเป็นสายเดียวที่ไปยังสวน Uminonakamichi Seaside Park
ผังแสดงทางวิ่งรถไฟสาย JR Kashii Line มีที่เที่ยวน่าสนใจหลายที่เหมือนกัน ไว้คราวหน้าค่อยลองศึกษาที่เที่ยวอื่น ๆ ดู วันนี้เราไปสวนกันก่อนดีกว่า
นั่งประมาณ 20 นาทีเราก็ถึงสถานี Uminonakamichi Station ตอนเราไปถึงคนมีไม่ค่อยมากเท่าไหร่ เพราะฟ้ามันมืด ๆ ด้วยเหมือนฝนจะตก
ลงจากสถานีก็จะมีป้ายบอกทางต่าง ๆ ว่ามีอะไรบ้างแต่วันนี่เรามาที่เดียวเลยนั้นคือสวน Uminonakamichi Seaside Park เราก็เดินไปตามป้ายไปยัง minonakamichi Station Gate
สวนแห่งนี้ต้องบอกว่าใหญ่มากทีเดียว เราต้องเอาแผนที่มาก่อนเพราะไม่งั้นเราจะไม่รู้ทิศทางว่าจะไปจุดที่เราต้องการนั้นไปทางไหน จะมีแผ่นพับแบบภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษเท่านั้น
ที่นี้เราก็เดินไปยังทางเข้าสวนแห่งนี้ซึ่งการเข้าสวนนี้ซื้อผ่านตู้ขายตั๋วอัตโนมัติด้านหน้าทางเข้าได้เลย
ราคาค่าเข้าสวน Uminonakamichi Seaside Park อยู่ที่ราคา 410 เยน ยื่นให็เจ้าหน้าที่แล้วเข้าประตูไปได้เลย
เราดูแผนที่แล้วท่าเดินนี้น่าจะไกลเลยเปลี่ยนบรรยากาศมาปั่นจักรยานเที่ยวสวนที่ญี่ปุ่นกันบ้าง จากทางเข้าพอเข้ามาจะเจอป้านร้านเช่าจักรยานทางขวามือเลย
ตรงนี้จะเป็นร้านเช่าจักรยาน Uminonakamichi Cycllng Center ซึ่งเป็นของทางสวนนี้เลยจะมีจักรยานให้เลือกหลายแบบมากมาย
เอาละเราทำการเลือกจักรยาน จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูและให้ทั้งปรับเบาะที่นั่งแล้วเติมลมยางก่อนที่เราจะเอาไปปั่น
ทีมเราพร้อมแล้วสำหรับที่จะปั่นจักรยานที่สวน Uminonakamichi Seaside Park ซึ่งจุดหมายของเราจะไปดูทุ่งดอก Nemophila