Travel Japan 2015 ::: พาเที่ยวมรดกโลกปราสาทฮิเมะจิ ปิดท้ายค่ำคืนที่ Osaka Bay :::
Travel Japan 2015 : Day 10 พาเที่ยวมรดกโลกปราสาทฮิเมะจิ ปิดท้ายค่ำคืนที่ Osaka Bay
ติดตามอ่านบทนำ ข้อมูลก่อนเดินทางทริปนี้ได้ที่นี้
+
ติดตามเรื่องราวการเดินทางได้ที่นี้
+ ตอนที่ 01 : วันแรกของการเดินทาง ::: ” ฟุกุโอกะ ” เมืองที่ถูกจัดอันดับว่าเป็นเมืองน่าอยู่อันดับที่ 12 ของโลก :::
+ ตอนที่ 02 : วันที่สองของการเดินทาง ::: เที่ยวเมือง Yufuin และนั่งรถไฟขบวนสุดฮิต Yufuin No Mori :::
+ ตอนที่ 03 : วันที่สามของการเดินทาง ::: เที่ยวปราสาทคุมาโมโตะ ตามรอยละครตามหา ศาลเจ้ากลกิโมโน :::
+ ตอนที่ 04 : วันที่สี่ของการเดินทาง ::: เดินทางไปหาเสาโทโรอิกลางน้ำ ที่ฮิโรชิมา ปิดท้ายที่ย่าน Sakae :::
+ ตอนที่ 05 : วันที่ห้าของการเดินทาง ::: พาไปจังหวัด ” ชิงะ ” เที่ยว 2 เมืองรอบทะเลสาบบิวะ :::
+ ตอนที่ 06 : วันที่หกของการเดินทาง ::: ฝนตกทั้งวันเที่ยวเมือง คามาคุระ และตอนเย็นที่โยโกฮาม่า :::
+ ตอนที่ 07 : วันที่เจ็ดของการเดินทาง ::: พาเที่ยวเมืองหลวงของญี่ปุ่น ” โตเกียว ” ออกตามหา Gundam :::
+ ตอนที่ 08 : วันที่แปดของการเดินทาง ::: เที่ยวนากาโน่ ต้องลองไปรู้จักแล้วจะหลงรักเมืองนี้ :::
+ ตอนที่ 09 : วันที่เก้าของการเดินทาง ::: เที่ยวจังหวัดมิเอะ พาไปยังศาลเจ้าอิเสะ Ise Jingu :::
+ ตอนที่ 10 : วันที่สิบของการเดินทาง ::: พาเที่ยวมรดกโลกปราสาทฮิเมะจิ ปิดท้ายค่ำคืนที่ Osaka Bay ::: < กำลังอ่านอยู่บทความนี้ >
+ ตอนที่ 11 : วันสุดท้ายของการเดินทาง ::: ไปเมืองหลวงเก่าเกียวโตเที่ยวป่าไผ่ ” อาราชิยาม่า ” ในวันฝนพรำ :::
Day 10 วันที่ 5 ก.ค. 2558 วันนี้เป็นวันที่ 10 ของการเดินทางเที่ยวในญี่ปุ่นของทริปปี 2015 วันนี้จะไปพาไปยังจังหวัดจังหวัดเฮียวโงะ ( Hyogo ) ซึ่งเมืองในจังหวัดนี้ที่ดัง ๆ ก็มีเมืองโกเบ ( Kobe ) แต่วันนี้ที่จะพาไปคือเมืองฮิเมจิ ( Himeji ) ซึ่งที่จะพาไปเที่ยวกันวันนี้คือปราสาทฮิเมะจิ ( Himeji Castle ) หลังจากปิดซ่อมมาหลายปีแล้วพึ่งเปิดให้เข้าชมใหม่เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งทีนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทที่ถูกขึ้นเป็นมรดกโลก และเดินดูของเรื่อย ๆ ย่านถนนมิยูกิ ที่ถอดยาวจากหน้าสถานี JR ไปยังปราสาทฮิเมะจิ สุดท้ายตอนเย็นมาเที่ยวยัง Osaka Bay Area ซึ่งตรงนั้นจะพาไปขึ้นกระเช้า Tempozan Giant Ferris Wheel และไปชมวิวบนตึก Cosmo Tower ติดตามการเดินทางในวันที่ 10 ได้เลยครับ
วันนี้เราออกกันแต่เช้าเหมือนเดิม 7 โมงออกจากโรงแรม Hotel Consort ตอนเช้าเห็นตัวโรงแรมชัด ๆ เมื่อคืนมาถึงดึกแสงไม่พอ
เช้านี้มีแผนไปเที่ยวเมืองฮิเมจิ ( Himeji ) จากโอซาก้า ( Osaka ) ไปก็ไปเร็วสุดก็นั่ง SHINKANSEN ไปจะเร็วสุดจากโรงแรมก็ขึ้นรถไฟใต้ดินจากสถานี NISHINAKAJIMAMINAMIGATA ไปยังสถานี SHIN-OSAKA
สถานี NISHINAKAJIMAMINAMIGATA ขึ้นชานชาลา 2 เพื่อไปยังสถานี SHIN-OSAKA
เดินทางตามป้ายเลยไปยัง Gate ของ SHINKANSEN เพราะเราได้จองตั๋วรถไฟ JR ไว้แล้ว และใช้บัตรเบ่งอย่าง JR Pass ขึ้นได้เลย
วันนี้ผมเลือกขบวนช้าสุดอย่าง Class KODAMA เพื่อจะได้ขึ้นเจ้าคันนี้เลย SHINKANSEN Series 500 ของ JR West ที่มีราคาสร้างแพงสุดในสมัยนั้นซึ่งตอนนี้ถูกลดชั้นมาเป็นขบวน Class KODAMA
ขบวน SHINKANSEN Series 500 หน้าตาการออกแบบผมว่าสวยนะครับออกแบบโดยสถาปนิคชาวเยอรมัน วิ่งจากสถานี SHIN-OSAKA ไปยังสถานี HAKATA เท่านั้น
SHINKANSEN Series 500 ตัวนี้ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 320 กม./ชม. มูลค่าของขบวน Series 500 คร่าว ๆ อยู่ที่ขบวนละ 5 พันล้านเยน
ด้านในก็เหมือนกับ SHINKANSEN ทั่วไปทั้งห้องน้ำและห้องไว้ให้สูบบุหรี่ จัดเป็นที่เป็นทาง
ภายในของ SHINKANSEN Series 500 จะเป็นแบบ 2 – 2 ตามสไตล์ของ JR West นั่งสบาย ถึงรถไฟมันจะวิ่งมาเป็นสิบปีแต่การรักษานั้นดีมาก ๆ
เป็นรถไฟรุ่นแรกในขณะนั้นที่มีโลโก้รุ่นติดภายนอก JR 500 West Japan
ถึงแล้วสถานี HIMEJI ผมนั่งจากสถานี SHIN-OSAKA ไปยังสถานี HIMEJI ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
และเจ้า SHINKANSEN Series 500 ก็พามาถึงเมืองฮิเมจิ ( Himeji ) ก่อนที่มันจะไปต่อยังสถานีหน้าและไปสุดทางของมันที่ HAKATA
ลงมายังด้านล่างของสถานี HIMEJI มีการนำเอาเหมือนที่นั่งเอาไว้แห่ตามงานประเพณีมาตั้งโชว์ไว้ในตัวสถานี
ป้ายครบรอบ 40 ปีของบริษัท JR West ด้านขวาจะเห็นรูปรถไฟทั้งหมดที่ JR West เคยดูแลอย่างตัว SHINKANSEN Series 500 ที่นั่งมาวิ่งมาตั้งแต่ปี 1993
จากด้านในสถานีมีป้ายบอกเป็นระยะทางไปยังปราสาทฮิเมะจิ ( Himeji Castle ) ออกทาง Central Gate แล้วเลี้ยวขวา
เดินเลี้ยวขวาออกมาจากสถานีก็มองเห็นแล้วตัวปราสาทฮิเมะจิ ( Himeji Castle ) แต่เราไม่นั่งรถไปนะครับ เราจะเดินไปเพื่อเดินดูบ้านเมืองเขาสักหน่อย
ทางด้านขวามือถ้าออกมาจากสถานีจะมีถนนน่าเดินอยู่ 2 เส้นคือ ถนนโอเทะมาเอะ ซึ่งจะอยู่ติดริมถนน กับอีกเส้นคือถนน มิยูกิ ซึ่งเป็นเหมือนถนนคนเดินในญี่ปุ่นจะมีร้านค้ามากมายในนั้น ซึ่งสามารถเดินได้จากสถานีไปยังราสาทฮิเมะจิ ( Himeji Castle ) ได้เลย
ที่ฝากรถจักรยานของญี่ปุ่น ค่าฝาก 100 เยน เพราะเมืองนี้ยังปั่นจักรยานกันอยู่เยอะ
วิธีการล็อครถจักรยานเข้ากับตัวที่ที่ล็อค เขาทันสมัยกว่าบ้านเรามาก
ตู้หยอดค่าฝากรถจักรยานหรือใช้บัตร IC Card ก็ได้สะดวกจริง ๆ
เดินเข้ามาในถนนมิยูกิ ก็จะพบกับร้าน Hello Kitty Cafe แต่ตอนนี้มันเช้าอยู่เขายังไม่เปิด เปิดตอน 10 โมง ไว้เดียวค่อยมาอีกทีเอาหน้าร้านไปก่อน
ชื่่อร้าน Cafe de Miki With Hello Kitty
ช่วง 8 โมงกว่า ๆ ร้านค้ายังไม่เปิดกันมีแต่ร้านขายอาหารเปิดบางร้านเราก็จัดมื้อเช้ากันแถวนี้ก่อนไปยังตัวปราสาท
จาหน้าสถานีรถไฟ JR เดินแบบเรื่อย ๆ ก็ประมาณ 20 นาทีก็จะไปถึงยังตัวด้านหน้าของปราสาทฮิเมะจิ ( Himeji Castle )
มาญี่ปุ่นตั้งหลายวันพึ่งจะเคยเห็นรถตำรวจญี่ปุ่นก็วันนี้
วันที่มาตรงกับวันอาทิตย์ขอบอกว่าทัวร์เยอะมาก ๆ และคนที่มาเที่ยวที่นี้เยอะแค่ทางเข้ามองเห็นคนแล้วจะเยอะไหม
บริการนั่งเรือรอบคูน้ำของปราสาท ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 500 เยน
ข้ามสะพานข้ามคูเมือง เพื่อเข้าไปยังประตูทางเข้าปราสาทฮิเมะจิ ( Himeji Castle )
ปราสาทฮิเมจิมีประวัติศาสตร์ก่อตั้งกว่า 400 ปีซึ่งนับเป็นปราสาทที่คงสภาพเดิมที่สุดในญี่ปุ่นและได้รับการประเมินอย่างสูงจากทั่วโลก ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่นในปี 1993 สร้างทิวทัศน์ที่งดงามด้วยความสง่างามของปูนขาวซึ่งได้รับการเปรียบเปรยให้เป็นนกกระยางซึ่งบางทีถูกเรียกว่า “ ปราสาทนกกระยางขาว ”
เปิดให้เข้าชมเวลา 9 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 300 เยน
ซื้อตั๋วเืพื่อเข้ายังตัวปราสาทจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งแบบคนขายวันนี้แถวยาวมาก ส่วนอีกแบบเป็นแบบตู้ยอดเงินเข้าไปแล้วได้ตั๋วเลยเป็นตู้อัตโนมัติ ผมเลยไปซื้อแบบนั้น
ได้มาแล้วตั๋วเข้าปราสาทฮิเมะจิ ( Himeji Castle ) ซื้อผ่านตู้ขายอัตโนมัติ ไม่ยากเลยไม่ต้องต่อแถวนาน
ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเขาต้องเดินขึ้น เดินผ่านประตูฮิซิ ( Hishi Gate ) ประตูที่ใหญ่ที่สุดของปราสาทซึ่งคงสภาพในยุคอาจึชิโมโมยามะ
เข้าผ่านประตู Hishi Gate ทางขวาจะเห็นคูเมืองซังโคคุ และตัวปราสาทเป็นจุดถ่ายรูปจุดหนึ่งเลยทีเดียว
อย่างที่บอกว่าวันที่ผมมาคนเยอะมาก ทางขึ้นเลยเกิดการจราจรติดขัดต้องหยุดเป็นระยะ ๆ
ด้านในตัวปราสาทก็จะมีป้ายบอกที่มาและความเป็นไปของปราสาทฮิเมะจิ ( Himeji Castle )
ด้านบนสุดของปราสาทหยุดยาวมากเพราะด้านบนจะมีเหมือนศาลเล็ก ๆ ด้านบนทุกคนที่เห็นไปจะไปสั่นกระดิ่งและโยนเหรียญลงไปในกล่องเลยทำให้แถวติดยาวภายในด้านในปราสาท
คนจะเยอะตรงจุดนี้ของปราสาทเลยทำให้แถวขยับไปได้ช้ากว่าคนนึงจะไหวืโยนเหรียญ
ขากลับออกมาผ่านทางด้านข้างของปราสาทที่เรียกว่าหอคุ้มกันเล็ก ( Kotenshu ) เพื่อไปยังลานด้านหน้า
ทางด้านขวามือถ้าออกมาจากตัวปราสาทจะเห็นหมู่หอคอยนิซิโนะมารุและทางเดินระเบียงยาว ( ระเบียงเฮียกุมะ )
ภาพมุมกว้างจากลานหน้าปราสาท เห็นทิวทัศน์เมืองฮิเมะจิอยู่ข้างหน้า
ตัวปราสาทหลัก ( Daitenshu ) ดูจากภายนอกจะเห็นเป็น 5 ชั้นแต่ภายในมีชั้นใต้ดิน 1 ชั้นและชั้นบนดิน 6 ชั้นซึ่งชั้นบนสุดจะประดับด้วยกระเบื้องหลังครูปทรงปลาวาฬเพรชฆาต ทว่าปลาวาฬเพรชฆาตเป็นปละทะเลที่ถูกจินตนาการโดยมีหัวเป็นเสือและมีหนามบนหลังถูกประดับบนดาดฟ้าปราสาทเพื่อเป็นเครื่องรางป้องกันไฟ ดิมทีแล้วหอคอยมีใว้เพื่อดูวิสัยทัศน์ที่ไกลออกไปซึ่งพัฒนาเป็น “หอสังเกตการณ์”ความสูงของหอคอยอยู่ที่ 30 เมตร ( 90 เมตรจากระดับน้ำทะเล )
สิ่งที่ค้ำจุนหอคอยที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้เป็นเสาหลัก 2 ต้นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เมตรที่อยู่ลึกจากชั้นใต้ดินขึ้นมายังชั้นที่ 6 ซึ่งนับเป็นวิธีก่อสร้างที่ล้ำสมัยในยุคนั้น นอกจากนั้น ปราสาทฮิเมจิมีลักษณะพิเศษที่มีหอคอยเชื่อมโยงหอคอยย่อยกับตัวปราสาทหลัก ( ที่มาจาก http://www.himeji-kanko.jp )
มาตั้งแต่ 8 โมงเช้าตอนนี้จะบ่ายโมงถึงเวลาที่ต้องลาจากปราสาทฮิเมะจิ ( Himeji Castle ) กันแล้ว
ขากลับลงมาเจอกระเบื้องรูปสัตว์ในตำนาน ตัวเป็นปลา หัวเป็นเสือ (Shachihoko) เหล่านี้ถูกนำมาประดับตกแต่งหลังคาของตัวปราสาท ชิ้นซ้ายมือสร้างขึ้นมาในสมัยเอโดะ(ปี ค.ศ.1603-1868) ส่วนชิ้นทางขวาสร้างในสมัยเมจิ(ปี ค.ศ.1868-1912) ว่ากันว่า Shachihoko จะช่วยป้องกันตัวปราสาทให้รอดจากเพลิงไหม้หรือฟ้าผ่า
ขากลับเดินง่ายหน่อยเดินลงเขาไม่เหนื่อย
ออกมาด้านนอกฝั่งตรงข้ามถนนเริ่มบ่ายเห็นนักท่องเที่ยวกำลังข้ามมายังปราสาทกันเยอะแยะมากมาย ส่วนที่เราจะข้ามไปก็เป็นร้านขายของฝากที่ระลึกด้านหน้าปราสาท
ผมก็เดินกลับไปทางถนนคนเดินเพื่อไปยังถนนมิยูกิ เพื่อไปหาซื้อของและกินข้าวกลางวัน
เดินซื้อของอะไรเสร็จก็เดินเรื่อย ๆ กลับมายังสถานี JR Himeji Station สถานีมีด้านบนให้ไว้ถ่ายรูปตัวปราสาทด้วยนะครับ สถานีสวยและใหญ่โตพอสมควร
เรากลับไปรอรถไฟ SHINKANSEN ส่วนอีกฝั่งเป็นพวกรถสาย Local ของ JR
ขึ้นไปยังชานชาลารอเจ้า SHINKANSEN HIKARI 472 เพื่อกลับไปยังโอซาก้า ( Osaka )
กำลังเข้าสู่สถานี SHINKANSEN HIKARI 472 ใช้เวลาการเดินทาง 37 นาที จากสถานี HIMEJI ไปยังสถานี SHIN-OSAKA
พอมาถึงสถานี SHIN-OSAKA ผมเดินไปถามเจ้าหน้าที่ว่าจะไปหาซื้อบัตร Osaka Amazing Pass แบบ 2 วันได้ที่ไหนหรือต้องไปที่สถานี OSAKA ถึงจะมีขาย เจ้าหน้าที่ JR ตอบว่าที่นี้มีขายให้ไปซื้อที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ผมก็มีขายด้วยเหรอ ?
ก็เดินไปยังทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสาย Midosuji Line เจอเจ้าหน้าที่ยืนอยู่เขาบอกใช่ซื้อที่นี้ให้บอกเจ้าหน้าที่ที่คุมประตูทางเข้า
บอกเจ้าหน้าที่ว่าจะมาซื้อบัตร Osaka Amazing Pass เขาจะเปิดประตูให้เข้าครับแล้วเดินผ่านไปจะมีห้องอยู่ซ้ายมือให้เราเดินเข้าไปซื้อในนั้น
เดินเข้าไปในห้องนี้ จะมีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่บอกเขาเลยครับว่ามาซื้อบัตร Osaka Amazing Pass ผมซื้อแบบ 2 วันต่อเนื่อง แถมมีเจ้าหน้าที่พูดไทยได้อีกสบายเลยงานนี้ สรุปที่สถานี SHIN-OSAKA สามารถซื้อบัตร Osaka Amazing Pass ได้ครับ
ได้มาแล้วบัตร Osaka Amazing Pass แบบ 2 Day Pass ในราคา 3,000 เยน ส่วนเรื่องรายละเอียดของบัตรอ่านได้ที่นี้ >> https://www.osaka-info.jp/osp/en/index.html
ที่นี้จะพาพ่อกับแม่ไปขึ้นกระเช้ายักษ์ที่ Tempozan Giant Ferris Wheel ต้องไปยัง Osaka Bay Area ก็จากสถานี SHIN-OSAKA นั่งสาย JR Special Rapid Service ไปลงยังสถานี OSAKA แล้วเปลี่ยนขบวนเป็น JR Osaka Loop Line ไปลงสถานี BENTENCHO ทั้งหมดนี้เป็นของ JR ใช้บัตร JR Pass ได้เลย
มาถึงสถานี BENTENCHO แล้วไปต่อสายเอกชน Osaka City Subway Chuo Line ไปยังสถานี OSAKAKO ตรงนี้เราเริ่มใช้บัตร Osaka Amazing Pass
สถานี BENTENCHO มี Mascot ปรำจำสถานีด้วยนะ
สถานี BENTENCHO เราต้องไปยังชานชาลาของสายเอกชจนสายสีเขียวนะครับ เพื่อไปยังชานชาลาที่ 2 ที่จะไปยังสถานี OSAKAKO อย่าไปยืนรอตรงของสถานี JR ละ
มาแล้วขบวน Osaka City Subway Chuo Line ที่จะพาเราไปยัง Osaka Bay Area
ออกจากสถานี OSAKAKO ทางออก Exit 1 ออกมาแล้วมองไปข้างหน้าจะเห็นกระเช้ายักษ์ Tempozan Giant Ferris Wheel เดินไปทางนั้นเลย
Tempozan Giant Ferris Wheel มันอยู่ติดกับห้าง Tempozan Marketplace แต่อยู่ชั้นบนเดินขึ้นไปชั้นบน
เดินไปตามป้ายเลย แต่เราไม่ต้องแวะซื้อบัตรนะครับ เพราะเราใช้บัตร Osaka Amazing Pass ได้เลย
จะขึ้นกระเช้าก็ง่ายนิดเดียวยื่นบัตร Osaka Amazing Pass ให้เจ้าหน้าที่เขาจะเอาเครื่องอ่าน Barcode มายิงสแกนที่บัตรเราเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีบัตร Osaka Amazing Pass ก็ต้องซื้อบัตรเองราคา 800 เยน
สูงขึ้นไปมองเห็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง Osaka Aquarium ( Kaiyukan )
อีกฝั่งจะเห็น Osaka Culturarium Tempozan
มองเห็นสะพานมินะโตะ สะพาน ๒ ชั้นโครงเหล็กสีแดง
Tempozan Giant Ferris Wheel เริ่มเปิดไฟแล้ว
หลังจากลงมาก็เข้าไปในห้างนั้นละครับมีร้านอาหารที่เยอะแยะด้านใน ก็กินตรงนี้เลยก่อนจะไปที่ถัดไป ภาพจากมุมไกลจากอีกมุมถนนนึงจะเห็น Tempozan Giant Ferris Wheel ตอนเปิดไฟ
เดินกลับมายังสถานี OSAKAKO จุดหมายต่อไปจะไปยัง Osaka Prefectural Government Sakishima Building Observatory ซึ่งด้านบนเปิดให้ชมวิวได้ ต้องไปลงที่สถานี TRADECENTERMAE
จากสถานี OSAKAKO นั่งสาย Osaka City Subway Chuo Line มาลงยังสถานี COSMOSQUARE และเปลี่ยนขบวนเป็นสาย Osaka City Newtram ไปยังสถานี TRADECENTERMAE ทั้งหมดนี้ใช้บัตร Osaka Amazing Pass
จากสถานี OSAKAKO มาสถานี TRADECENTERMAE ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็มาถึง
ตรงนี้ทางออกมันมี 2 ทางทั้ง Exit 1 และ Exit 2 มันก็ถึงเหมือนกันแต่แนะนำเดินไปทาง Exit 2 จะดีกว่าเพราะทางเดินไม่เปลี่ยว เดินผ่านอาคารหอประชุม เพราะตอนผมไปดันไปเดินทางออก Exit 1 ดูมันเปลี่ยว ๆ ชอบกล
ถ้ามาทาง Exit 2 เดินมามันจะข้ามสะพานลอยมาเข้ายังตึก Osaka Prefectural Government Sakishima Building Observatory เราต้องเดินไปชั้นล่างก่อนแล้วเดินไปทางด้านขวามือถึงจะเจอทางเข้า
ราคาค่าเข้าปรกติผู้ใหญ่อยู่ที่ 510 เยน แต่เราใช้บัตร Osaka Amazing Pass ก็ไม่ต้องเสียอะไรยื่นให้เจ้าหน้าที่แสกนบัตรแค่นั้นเอง
ของที่ระลึกเข็มกลัด Osaka Lovers
พอสแกนเสร็จเจ้าหน้าที่ก็ออกตั๋วเล็ก ๆ ให้เราเดินไปขขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นบน
ลิฟท์มันจะไม่ได้ไปจอดชั้นบนนะครับต้องต่อบันไดเลื่อนขึ้นไปอีกที
วิวจากตึก Osaka Prefectural Government Sakishima Building Observatory ไปยังฝั่งที่ผมพึ่งจากมาฝั่งของ Tempozan Harbor เห็นเจ้ากระเช้ายักษ์ Tempozan Giant Ferris Wheel เปิดไฟสวยมาก
อีกด้านมองเห็นไฟในเมืองโอซาก้า ( Osaka ) และสะพานมินะโตะ
ภาพมุมกว้างของอ่าว Osaka Bay
ดูวิวด้านนอกกันแล้วมาดูในตัวอาคาร Osaka Prefectural Government Sakishima Building Observatory ก็จะมีกล่องส่องทางไกลมองไปยังจุดต่าง ๆ ก็หยอดเหรียญเอา
มาตอนช่วง 3 ทุ่มคนมีน้อยมาก อยากถ่ายมุมไหนตามสบายเลย
ชั้นบนตรงนี้เขาจะมี Cafe เล็ก ๆ ไว้ขายพวกน้ำดื่ม น้ำปั่น น้ำแข็งใส และอาหาร ผมก็ไปอุดหนุนน้ำแข็งใส่ถ้วยละ 300 เยนมากินเล่น
ร้าน Cafe ด้านบนดูแล้วเหมือนจัดร้านแบบสถานที่แต่งงานเลย สงสัยจะมีคนมาถ่าย Prewedding ที่นี้กันเยอะมั้ง ?
อยู่กันจนพอใจก็ได้เวลากลับกันแล้วก็ลงบันไดเลื่อนลงมายังชั้น 51 แล้วต่อลิฟท์ลงไปยังชั้นล่าง Osaka Prefectural Government Sakishima Building Observatory วันธรรมดาปิด 4 ทุ่ม ส่วนเสาร์ – อาทิตย์ ปิด 5 ทุ่ม
ขากลับมายังไงก็กลับอย่างงั้นเลย ก็เดินข้ามสะพานลอยไปฝั่งหอประชุมแล้วเดินตามป้ายไปยังสถานีรถไฟ
ไปขึ้นรถไฟที่สถานี TRADECENTERMAE นั่งสาย Osaka City Newtram ไปลงยังสถานี COSMOSQUARE
จากสถานี COSMOSQUARE ก็เปลี่ยนขบวนไปใช้สายสีเขียว Osaka City Subway Chuo Line ไปยังสถานี HOMMACHI
และสุดท้ายเมื่อถึงสถานี HOMMACHI ก็ไปเปลี่ยนเป็นสายสีส้ม Midosuji Line กลับไปยังโรงแรมที่สถานี NISHINAKAJIMAMINAMIGATA ถึงโรงแรมก็ 5 ทุ่มกว่าแล้ว ก็เป็นการจบการเดินทางของผมในวันที่ 10 คงจบเท่านี้ ขอบคุณที่ติดตามการเดินทางในวันที่ 11 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเดินทางในทริปญี่ปุ่นปี 2015 นะครับ
Final ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องราวของผมในตอนแรกในการเดินทางไปยังญี่ปุ่นนะครับ ผิดถูกยังไงก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยแล้วกัน ชอบเรื่องราวการเดินทางของผมคิดว่ามีประโยชน์กับการเดินทางของท่านก็ฝากกด Like กด Share หรือบอกต่อ ๆ กันไป หวังว่าเรื่องราวการเดินทางของทางเราจะมีประโยชน์นะครับ
ติดตามตอนเรื่องราวการเดินทางวันที่ 11 ได้ที่นี้ : วันสุดท้ายของการเดินทาง ::: ไปเมืองหลวงเก่าเกียวโตเที่ยวป่าไผ่ ” อาราชิยาม่า ” ในวันฝนพรำ :::
T R A V E L – J A P A N – 2 0 1 5
- Travel Japan 2015 : Day 1
- Travel Japan 2015 : Day 2
- Travel Japan 2015 : Day 3
- Travel Japan 2015 : Day 4
- Travel Japan 2015 : Day 5
- Travel Japan 2015 : Day 6
- Travel Japan 2015 : Day 7
- Travel Japan 2015 : Day 8
- Travel Japan 2015 : Day 9
- Travel Japan 2015 : Day 10
- Travel Japan 2015 : Day 11