Travel Japan 2015 ::: เที่ยวนากาโน่ ต้องลองไปรู้จักแล้วจะหลงรักเมืองนี้ :::
Travel Japan 2015 : Day 8 เที่ยวนากาโน่ ต้องลองไปรู้จักแล้วจะหลงรักเมืองนี้
ติดตามอ่านบทนำ ข้อมูลก่อนเดินทางทริปนี้ได้ที่นี้
+
ติดตามเรื่องราวการเดินทางได้ที่นี้
+ ตอนที่ 01 : วันแรกของการเดินทาง ::: ” ฟุกุโอกะ ” เมืองที่ถูกจัดอันดับว่าเป็นเมืองน่าอยู่อันดับที่ 12 ของโลก :::
+ ตอนที่ 02 : วันที่สองของการเดินทาง ::: เที่ยวเมือง Yufuin และนั่งรถไฟขบวนสุดฮิต Yufuin No Mori :::
+ ตอนที่ 03 : วันที่สามของการเดินทาง ::: เที่ยวปราสาทคุมาโมโตะ ตามรอยละครตามหา ศาลเจ้ากลกิโมโน :::
+ ตอนที่ 04 : วันที่สี่ของการเดินทาง ::: เดินทางไปหาเสาโทโรอิกลางน้ำ ที่ฮิโรชิมา ปิดท้ายที่ย่าน Sakae :::
+ ตอนที่ 05 : วันที่ห้าของการเดินทาง ::: พาไปจังหวัด ” ชิงะ ” เที่ยว 2 เมืองรอบทะเลสาบบิวะ :::
+ ตอนที่ 06 : วันที่หกของการเดินทาง ::: ฝนตกทั้งวันเที่ยวเมือง คามาคุระ และตอนเย็นที่โยโกฮาม่า :::
+ ตอนที่ 07 : วันที่เจ็ดของการเดินทาง ::: พาเที่ยวเมืองหลวงของญี่ปุ่น ” โตเกียว ” ออกตามหา Gundam :::
+ ตอนที่ 08 : วันที่แปดของการเดินทาง ::: เที่ยวนากาโน่ ต้องลองไปรู้จักแล้วจะหลงรักเมืองนี้ ::: < กำลังอ่านอยู่บทความนี้ >
+ ตอนที่ 09 : วันที่เก้าของการเดินทาง ::: เที่ยวจังหวัดมิเอะ พาไปยังศาลเจ้าอิเสะ Ise Jingu :::
+ ตอนที่ 10 : วันที่สิบของการเดินทาง ::: พาเที่ยวมรดกโลกปราสาทฮิเมะจิ ปิดท้ายค่ำคืนที่ Osaka Bay :::
+ ตอนที่ 11 : วันสุดท้ายของการเดินทาง ::: ไปเมืองหลวงเก่าเกียวโตเที่ยวป่าไผ่ ” อาราชิยาม่า ” ในวันฝนพรำ :::
Day 8 วันที่ 3 ก.ค. 2558 วันนี้เป็นวันที่ 8 ของการเดินทางเที่ยวในญี่ปุ่นของทริปปี 2015 วันนี้ผมตั้งใจไปยังวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งของญี่ปุ่นนั้นคือวัดเซ็นโคจิ ( Zenkoji Temple ) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว อยู่ที่เมืองนากาโน่ ( Nagano ) ซึ่งชื่อวัดนี้ชื่อมันจะคล้าย ๆ กับวัดเซ็นโซจิ ( Senso-ji ) ที่อยู่ที่อาซากุสะ ( Asakusa ) ในโตเกียว ไปถึงเมืองนากาโน่ ( Nagano ) ก็ต้องไปกินของขึ้นชื่อที่นั้นก็คือ ” โซบะ ” และสุดท้ายมาเดินปิดท้ายที่ตลาดนากาโนะบอร์ดเวย์ ( Nakano Broadway ) และย่านชินจูกุ ( Shinjuku ) ซึ่งไปจริงพอกลับเข้ามาโตเกียวฝนตกทั้งวันเลย เลยไปไหนไม่ค่อยได้มากเพราะฝนตกไม่หยุด ติดตามการเดินทางในวันที่ 8 ได้เลยครับ
ออกกันแต่เช้าอีกแล้วออกจากโรงแรม 7 โมงเช้า วันนี้ไปขึ้นรถไฟ SHINKANSEN ที่สถานี UENO ใกล้ ๆ กันนี้ไม่ต้องไปไกลถึงสถานี TOKYO เพราะรถที่จะไปเมืองนากาโน่ ( Nagano ) มันจอดสถานี UENO ด้วย เราก็นั่ง JR Yamanote Line จากสถานี NIPPORI ไปยังสถานี UENO
วันนี้เราจะนั่งขบวน SHINKANSEN สายใหม่ล่าสุดสาย Hokuriku Shinkansen นั่งรถรุ่นใหม่ E7/W7 Series ขบวนในรูปเลย
มีเวลาเหลือเยอะคุณนายแม่ก็ขอถ่ายกับพวกขบวนรถไฟที่วิ่งเข้ามาในชานชาลา ในรูปเป็นขบวนของสาย Tohoku Shinkansen คาดสีชมพู เป็นรถรุ่น E2 Series
Tohoku Shinkansen คาดสีชมพู E2 Series เป็นรถในสังกัด JR East
อีกฝั่งเป็นตัว E2 Series เหมือนกันแต่มันคาดสีแดง มันคือขบวนของสาย Nagano Shinkansen กับ Joetsu Shinkansen
อยู่สถานี UENO นี้รถไฟหลายสายต้องผ่าน ในรูปเป็นขบวนรถไฟ SHINKANSEN แบบ 2 ชั้นชื่อขบวน Max Toki เป็นรถรุ่น E4 Series วิ่งสาย Joetsu Shinkansen
ฝั่งตรงข้ามเจ้าเป็ดเขียวเข้ามาจอดพอดี เป็นขบวนของสาย Tohoku Shinkansen คันสีเขียวนี้จะวิ่งไปจนสุดถึงเมืองอาโอโมริ ( Aomori ) ชื่อของขบวนคือ Hayabusa ที่แปลว่าเหยี่ยวครับ เป็นรถรุ่น E5 Series
ขบวน Hayabusa ต้องจองที่นั่งเท่านั้นนะครับ เพราะเขาไม่มีที่นั่งแบบ Non Reserved ให้
ใกล้เวลารถไฟที่จองมาแล้ววันนี้ผมขึ้นขบวน KAGAYAKI 503 ซึ่งขบวนนี้ต้องจองที่นั่งเท่านั้นนะครับ
มาแล้วขบวน KAGAYAKI 503 ใช้รรถรุ่นใหม่ E7/W7 Series
นั่งจากสถานี UENO ไปลงยังสถานี NAGANO ได้เลยใช้เวลาเพียงแค่ 80 นาทีก็ถึง
นั่งหลับไปแปปเดียวก็ถึงแล้วเมืองนากาโน่ ( Nagano )
ดูหน้าเจ้า E7/W7 Series ชัด ๆ ซึ่งรถขบวนนี้จะยังวิ่งไปต่อนะครับ เมืองที่น่าสนใจอีกเมืองที่ขบวนรถคันนี้วิ่งผ่านคือเมืองคานาซาว่า ( Kanazawa ) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัด Ishikawa คราวหน้าผมค่อยลองไป
โลโก้ที่ข้างขบวน ออกแบบคล้ายเลข 7 มีหัวลูกศรสีเงิน สะท้อนความแหลมคมและแสดงการมุ่งไปสู่อนาคตที่รุ่งโรจน์
บอกเลยว่าสถานี NAGANO ไม่เล็กนะครับใหญ่พอสมควร
อีกฝั่งรถไฟกำลังวิ่งเข้าโตเกียว ( Tokyo )
ส่วนใครมาเที่ยวที่เมืองนากาโน่ ( Nagano ) แล้วอยากไปต่อยังเมืองมัตสึโมโตะ ( Matsumoto ) ก็มาต่อที่สถานีนี้ไปทางป้าย JR Line Shinano Line ไปต่อได้เลยมีรถไฟไปทุกชั่วโมง แต่วันนี้เราไม่ได้ไป
ห้อง Waiting Room ใหญ่ทีเดียวสำหรับสถานี NAGANO ตัวสถานียังดูใหม่อยู่เลย
จุดหมายของผมวันนี้ตั้งใจไปวัดเซ็นโคจิ ( Zenkoji Temple ) ออกจากสถานีรถไฟ SHINKANSEN ตามป้ายออกมาไปทางขวา Zenkoji Exit
เมืองนากาโน่ ( Nagano ) ครั้งนึงเคยเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวมาแล้วด้วยในปี 1998
บริเวณด้านหน้าสถานี JR NAGANO เป็นลานกว้าง ๆ จะมีจุดจอดป้ายรถบัสด้านหน้าเลยเราจะไปยังวัดเซ็นโคจิ ( Zenkoji Temple ) ก็ไปเดินรอยังป้ายที่ 1
ป้ายรถบัสป้ายที่ 1 เขียนตรงป้ายเลย For Zenkoji ไปถูกทางแน่ไม่ต้องกลัว ยืนรอรถตรงป้ายนี้เท่านั้น
ขึ้นรถบัสไม่ต้องกลัวลงไม่ถูกนะครับเขามีป้ายไฟเป็นภาษาอังกฤษบอกว่าป้ายหน้าคือป้ายไหนพร้อมไฟโชว์ราคา จากสถานี NAGANO ไปวัดเซ็นโคจิ ( Zenkoji Temple ) ค่ารถ 150 เยน อันนี้ต้องหาเหรียญจ่ายเองเพราะที่นี้เขาไม่สามารถใช้บัตร IC Card อย่าง Suica จ่ายแทนได้
ป้ายไฟขึ้น Zenkoji แล้วก็คือป้ายหน้าถึงแล้วก็เตรียมตัวลง ค่ารถก็ตามป้ายไฟ 150 เยน
นั่งจากสถานี NAGANO มาไม่ถึง 10 นาทีรถบัสก็มาส่งตรงป้าย Zenkoji ซึ่งอยู่ตรงข้ามทางเดินเข้าวัดวัดเซ็นโคจิ ( Zenkoji Temple )
ลงรถแล้วข้ามทางแยกไปก็เป็นทางเข้าวัดเซ็นโคจิ ( Zenkoji Temple ) แล้วครับ
เดินไปมองเห็นแล้ว Niomon Gate ประตูแรก มีรูปปั้น Nio ซึ่งเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองวัดแห่งนี้
ผ่านประตู Niomon Gate เข้าไปจะเจอถนนนากามิเสะ ( Nakamise ) เป็นถนนทางตรงไปยังวัดซึ่งระหว่างทางเดินไปตัววัดจะเจอร้านขายของมากมาย แต่ตอนนี้มันยังเช้าอยู่เขายังไม่เปิดกันมากเดียวสาย ๆ ค่อยมาเดิน
เดินตรงไปข้างหน้าจะเห็นประตูชั้นที่ 2 ของวัด Sanmon Gate
พระพุทธรูประหว่างทางเดินเข้าไปยัง Sanmon Gate
กำลังจะเดินต่อมีเจ้าหน้าที่บอกให้หยุดแล้วผมก็เห็นคนญี่ปุ่นตั้งแถวแล้วนั่งคุกเข่า แล้วก็มีเหมือนใครออกมาจากประตูทางด้านซ้ายมือทุกคนเขายกมือไหว้กัน ผมเข้าใจว่านะจะเป็นพระของวัดนี้ในตำแหน่งสูงและผู้คนนับถือ เพราะตลอดทางองค์ที่ใส่ชุดม่วงที่มีคนกางร่มจะมีลูกประคำเดินเคาะหัวคนที่มานั่งคุกเข่าพนมมือระหว่างทางเดินเข้าไปยังวัด
ใหญ่โตมากประตู Sanmon Gate นั้นสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1750 โดยมันถูกขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติอันล้ำค่าทางวัฒนาธรรมของญี่ปุ่นเช่นกัน ซึ่งชั้น 2 สามาถขึ้นไปถ่ายชมวิวได้แต่เสียค่าใช้จ่าย 500 เยน
เจอกลุ่มนักเรียนมาทัศนศึกษา ตอนหลังเดินกันเต็มวัด
ก่อนเข้าวัดก็อย่างลืมล้างมือ บ้วนปากก่อนเข้าไปนะครับ ตามธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่น
มาถึงห้องโถงกลาง ( Zenkoji Hondo ) เข้าไปด้านในห้ามถ่ายรูปนะครับ แต่ถ้าเข้าไปด้านในอีกชั้นต้องเสียค่าเข้า 500 เยน สำหรับค่าเข้าห้องภายใน , ทางใต้ดิน และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
ที่นี้เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญ และยอดนิยมแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 และเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์แรกที่เข้ามายังญี่ปุ่น (พระพุทธรูปของจริงจะเปิดให้ชมทุกๆ 6 ปี ในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ รอบถัดไปคือตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2015)
ศาสนสถานหลักของวัดนี้ก็คือ Zenkoji Hondo ซึ่งเป็นอารามไม้ขนาดใหญ่อันเก่าแก่งดงาม สำหรับพระประธานหลักแห่งวัดนั้นก็คือ Hibutsu (Secreat Buddha) พระพุทธรูปเก่าแก่อันศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกห้ามให้ใครเห็นเป็นอันขาดแม้กระทั่งเจ้าอาวาสวัดก็ตามที
วัดเซ็นโคจินั้นมีการบูรณะใหม่ครั้งล่าสุดเมื่อปี ค.ศ.1707 ปัจจุบันยังคงสภาพอันเก่าแก่งดงาม นอกจากตัวอารามหลักแล้วโดยรอบนั้นยังมีสิ่งก่อสร้างสำคัญๆ มากมาย
เดินอ้อมไปทางด้านหลังวัดดูกันบ้าง ด้านหลังจะเป็นสวนนะครับ
ไปมาหลายเมืองจะเห็นแบบนี้จะเหมือนเป็นกลุ่มพี่เลี้ยงเด็กจะเข็นรถเข็นมีเด็กหลายคนนั่งมา แล้วก็มาให้เรียนรู้นอกสถานีที่ เหมือนเป็นการเตรียมตัวก่อนเข้าเรียน
สวนด้านหลังวัดนี้ต้นไม่เขียนและดอกไม้สวยมาก
อาคารทางด้านหลังวัด จะเป็นเจดย์ทรงญี่ปุ่นอยู่ด้วยนั้นก็คือที่ตั้งของ Zenkoji History Museum ที่จัดแสดงของล้ำค่ารวมไปถึงพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่แกะสลักได้อย่างงดงาม
จากเจดีย์เดินตามทางออกมาผ่านสวนด้านข้างก็จะมาออกยังด้านข้างของวัดเซ็นโคจิ ( Zenkoji Temple )
ถึงเวลาต้องไปแล้วใกล้ 11 โมงแล้วผู้คนก็เริ่มเยอะมากขึ้นมองไปถนนหน้าวัดที่ผ่านมาตอนนี้คนเยอะมากมาย
ร้านขายอาหารส่วนใหญ่หน้าวัดนี้จะเปิดกันตอน 11 โมงนะครับ ส่วนร้านขายของเปิดกันประมาณ 10 โมง
ขากลับผมได้คุยกับพ่อแม่และเพื่อนว่าถนนที่เรามานั้นข้างทางจะเป็นร้านขายของและร้านอาหารอร่อยหลายร้าน ก็เลยตกลงว่าขากลับเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงสถานี NAGANO ตกลงตามนั้นก็ ” เดิน ”
ถนนชูโอ โดริ ( Chuo Dori ) สองข้างทางตอนผมเดินนี้ก็ 11 โมงกว่าแล้วร้านเปิดกันเยอะแล้ว เป็นร้านขายขนม ของที่ระลึก และร้านอาหารตลอดเส้นทางจนเกือบถึงหน้าสถานีรถไฟ NAGANO
ช่วงที่ไปอากาศไม่ร้อนด้วยและฝนไม่ตกเดินสบายชิว ๆ กันเลยบ้านเมืองเขาสะอาดมาก ๆ
เที่ยงพอดีผมเลยแวะทานอาหารกันที่ร้านนี้ เข้าไปเปิดพอดีกำลังจัดโต๊ะกันอยู่เลย
มาถึงเมืองนากาโน่ ( Nagano ) ก็ต้องทานอาหารขึ้นชื่อของเขา โซบะ มีให้เลือกทานหลายแบบ
ชามนึงใหญ่อยู่กินชามเดียวก็อิ่มแล้วราคาก็ไม่แพงนะครับตั้งแต่ 800 เยนขึ้นไปแล้วแต่เราจะสั่งเล็ก กลาง ใหญ่
ออกมาก็เดินมุ่งหน้าไปสถานีรถไฟต่อ ก็จะผ่านะนนคนเดินของที่นี้ Nagano Gondo
เดินไปเรื่อย ๆ ก็มาถึงหน้าสถานีรถไฟ JR NAGANO ทันเวลารถไฟที่จองเยอะเลยเดินเล่นข้างในสถานีเพราะมันเป็นห้างขายของด้วยในตัวสถานี
ใกล้ถึงเวลาก็เดินขึ้นไปชั้นบนไปยัง Shinkansen Gate
ตอนที่รอก็เจอเจ้าขบวนรุ่นเก่าอย่าง E2 Series ซึ่งก่อนจะมีเจ้าตัว E7/W7 Series ขบวนนี้ละครับที่จะพาเรามายังเมืองนากาโน่ ( Nagano ) ชื่อของมันคือ ASAMA ซึ่งยังวิ่งบริการอยู่เพียงแต่ว่าเวลามันช้ากว่าพวก HAKUTAKA และ KAGAYAKI
E2 Series ASAMA อยู่ภายใต้การดูแลของ JR East
ยังพอมีเวลาขึ้นไปดูในรถรุ่นเก่าอย่าง E2 Series กันครับ
ถึงขบวนนี้ใช้มาเป็นสิบกว่าปี แต่ข้างในต้องบอกว่าสะอาดและยังดูใหม่มากจริง ๆ การดูแลรักษารถไฟที่นั้นดีมากบอกตรง ๆ
ขบวน SHINKANSEN HAKUTAKA 562 มุ่งหน้าเข้าสถานี TOKYO ของเรามาแล้ว ขบวนนี้ต้องจองก่อนเท่านั้นะครับ มีบัตร JR Pass ขึ้นไปเลยไม่ได้ต้องไปจองก่อน
มาดูด้านในของเจ้าตัว E7/W7 Series กันครับ จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกับรถไฟ Shinkansen ทุกขบวน
ห้องน้ำนี้ต้องบอกเลยว่ามันใหญ่มากจริง ๆ ใหญ่กว่าห้องน้ำที่โรงแรมอีก
ห้องน้ำผู้ชายก็แบ่งเป็นห้อง ๆ ต้องบอกว่าสะอาดมาก
ที่นั่งด้านในจะเป็นแบบ 3 – 2
ป้ายบอกสถานะที่นั่งว่าอย่างในรูปคือที่นั่งแถว 4 ถ้ามี A – C ตรงนั้นจะเป็นที่นั่งแบบ 3 ที่ติดกัน A นั่งติดกระจก B นั่งตรงกลางและ C นั่งติดทางเดิน
ขบวนรถรุ่น E7/W7 Series จะมีปลั๊กไฟอยู่ด้านหน้าที่นั่งทุกที่นั่งและตรงพื้นด้านข้างติดกับตัวรถ ไม่ต้องกลัวเรื่องปัญหาพวกมือถือ หรือกล้องแบตหมดเลยสามารถชาร์ตได้
จากสถานี NAGANO มายังสถานี UENO ใช้เวลาในการเดินทาง 80 นาที ระหว่างทางใกล้เข้าโตเกียว ผ่านยัง Satama Super Arena ที่นี้ส่วนใหญ่ใช้จัดงานใหญ่ ๆ ของเมืองไซตามะ เช่น Concert และงานแสดงสินค้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว
และก็ถึงปลายทางของผมสถานี UENO
รถไฟไปต่อหยุดที่สถานี TOKYO ไฟด้านข้างตัวรถบอกชื่อของรถและเลขรถ SHINKANSEN HAKUTAKA 562 มีป้ายไฟสีเขียว Reserved คือต้องจองที่นั่งเท่านั้น
ไปต่อยังจุดหมายต่อไปคือไปยังซอยละลายทรัพย์นากาโนะบอร์ดเวย์ ( Nakano Broadway )
จากสถานี UENO ขึ้นสาย JR Keihin-Tohoku/Negishi Line Rapid ไปลงยังสถานี AKIHABARA
ถึงสถานี AKIHABARA ก็อ่านตามป้ายเลยไปยังสายรถไฟสีเหลืองของสาย JR Chuo/Sobu Line Local Service
สาย JR Chuo/Sobu Line Local Service เราจะไปยังซอยละลายทรัพย์นากาโนะบอร์ดเวย์ ( Nakano Broadway ) มันติดกับชินจูกุ เราก็ต้องไปทาง For Ochanomizu & Shinjuku
จากสถานี AKIHABARA ไปลงยังสถานี NAKANO(TOKYO) สาย JR Chuo/Sobu Line Local Service จะวิ่งผ่าตัวเมืองโตเกียวไปเลย ไม่ได้วนรอบโตเกียวแบบสาย JR Yamanote Line
ถึงสถานี NAKANO(TOKYO) ออกไปทาง North Exit ก็จะเจอทางเข้าซอยละลายทรัพย์นากาโนะบอร์ดเวย์ ( Nakano Broadway )
ดีหน่อยว่าเดินในร่มเพราะตั้งแต่เข้าโตเกียวมาฝนไม่หยุดตกเลย ก็นัดเวลากันเจอหน้าสถานี NAKANO(TOKYO) และก็ต่างคนต่างแยกย้ายเดินดูของ
เดินไปจนสุดจะเจออาคาร Nakano Broadway ต้องบอกว่าถ้าใครชอบพวก Figure จากอนิเมะเรื่องดัง ๆ ที่นี้มีเยอะเหมือนกันต้องลองมาเดินดูเอง
หลังจากเดินซื้อของได้ของเต็มไม้เต็มมือกันแล้วยังไม่พอใจ เพราะอยู่โตเกียววันนี้สุดท้ายเลยไปเดินซื้อของต่อยังย่านชินจูกุ เพราะมันไปไม่ไกลแค่ 1 สถานีเท่านั้น ก็ขึ้นสาย JR Chuo Line Rapid Service จากสถานี NAKANO(TOKYO) มาลงยังสถานี SHINJUKU(JR)
ออกจาสถานีรถไฟไม่ถึง 5 นาทีฝนตกหนักทีนี้เลยต้องเก็บกล้องใหญ่เพราะตกแรง ต้องใช้มือถือถ่ายเอา ก็แยกย้ายกันเดินนัดกันไว้ที่ดองกี้ตอน 2 ทุ่มเจอกันอีกทีของหิ้วกันคนนึง 3 – 4 ถุงซื้อกันเยอะมาก จนต้องกลับไปยังโรงแรมก่อน
กลับไปยังโรงแรมก่อนเพราะของเยอะมาก ตอนนี้กำลัง 3 ทุ่ม ผมก็ถามว่าใครจะไปถ่ายรูปกลางคืนก็ไปด้วยกันได้นะ สรุปมีผมกับเพื่อนอีกคนที่ไปด้วย นอกนั้นหมดแรงขอนอนเลย ผมก็เลยไปยังย่านอาซากุสะ ( Asakusa ) อีกครั้ง
ผมก็มาเดินถ่ายรูปเล่นยามค่ำคืนบริเวณนี้ พอกลางคืนแล้วคนไม่เยอะมากหรือเพราะมัน 3 ทุ่มกว่าจะ 4 ทุ่มแล้วมั้งคนเลยน้อย
มาถ่ายไฟกลางคืน วันนี้มองเห็นเจ้า TOKYO SKYTREE อย่างชัดเจนและรอบริมฝั่งแม่น้ำซูมิดะ ( Sumida )
สะพานแดงข้ามแม่น้ำซูมิดะ ( Sumida ) ยามค่ำคืน
ด้านหลังที่ผมยืนถ่ายรูปเป็นอาคารของบริษัท Tokyo Cruise เป็นบริษัทเรือล่องแม่น้ำในโตเกียว สำหรับนักท่องเที่ยวหรือคนที่อยากนั่งเรือชมเมืองโตเกียวก็มาซื้อตั๋วและขึ้นได้ทีนี้ เรือเขาจะมีหลายแบบมาก ที่นิยมกันจะเป็นเจ้าเรืออวกาศที่ชื่อ Himiko กับ Hotaluna สนใจเข้าไปดูยังที่นี้ได้เลย https://www.suijobus.co.jp/index.html
มาถ่ายรูปตอนกลางคืนได้อารมย์ไปอีกแบบคนไม่เยอะเหมือนตอนกลางวัน แต่โชคร้ายนิดนึงที่ฝนมันตกเลยต้องคอยยืนกางร่มตลอด
เดินกลับมาถ่ายยังหน้าวัดเซ็นโซจิ ( Senso-ji ) ประตูหน้า Kaminarimon กลางวันคนจะเยอะมากหามุมถ่ายแทบไม่ได้ แต่กลางคืนแทบไม่มีคนมา แต่ก็ยังมีบ้างนะมาถ่ายตอนกลางคืนแบบผม
ถนนนากามิเซะ ( Nakamise dori ) ตอนกลางวันจะคึกคักคนมหาศาล แต่ตอนนี้ร้านปิดเงียบทุกร้าน แน่ซิมันจะ 4 ทุ่มแล้วใครจะมาเปิด
ประตูโฮโซมอน ( Hozomon ) ยามค่ำคืนเปิดไฟแล้วสวยมากจริง ๆ
โคมแดงยักษ์ตรงประตูโฮโซมอน ( Hozomon ) กลางวันคนเยอะมากหามุมถ่ายแบบนี้ไม่ได้เลย มากลางคืนถ่ายสบาย
บริเวณวัดเซ็นโซจิ ( Senso-ji ) ยามค่ำคืน
ด้านในตอนกลางคืนเขาปิดนะครับ
และก็ใกล้เวลาจะ 5 ทุ่มแล้วต้องรีบกลับก่อนรถไฟจะหมด การเดินทางของผมในวันที่ 8 คงจบเท่านี้ ขอบคุณที่ติดตามการเดินทางในวันที่ 9 นะครับ
Final ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องราวของผมในตอนแรกในการเดินทางไปยังญี่ปุ่นนะครับ ผิดถูกยังไงก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยแล้วกัน ชอบเรื่องราวการเดินทางของผมคิดว่ามีประโยชน์กับการเดินทางของท่านก็ฝากกด Like กด Share หรือบอกต่อ ๆ กันไป หวังว่าเรื่องราวการเดินทางของทางเราจะมีประโยชน์นะครับ
ติดตามตอนเรื่องราวการเดินทางวันที่ 9 ได้ที่นี้ : วันที่เก้าของการเดินทาง ::: เที่ยวจังหวัดมิเอะ พาไปยังศาลเจ้าอิเสะ Ise Jingu :::
T R A V E L – J A P A N – 2 0 1 5
- Travel Japan 2015 : Day 1
- Travel Japan 2015 : Day 2
- Travel Japan 2015 : Day 3
- Travel Japan 2015 : Day 4
- Travel Japan 2015 : Day 5
- Travel Japan 2015 : Day 6
- Travel Japan 2015 : Day 7
- Travel Japan 2015 : Day 8
- Travel Japan 2015 : Day 9
- Travel Japan 2015 : Day 10
- Travel Japan 2015 : Day 11