Travel Japan 2015 ::: พาไปจังหวัด ” ชิงะ ” เที่ยว 2 เมืองรอบทะเลสาบบิวะ :::
Travel Japan 2015 : Day 5 พาไปจังหวัด ” ชิงะ ” เที่ยว 2 เมืองรอบทะเลสาบบิวะ
ติดตามอ่านบทนำ ข้อมูลก่อนเดินทางทริปนี้ได้ที่นี้
+
ติดตามเรื่องราวการเดินทางได้ที่นี้
+ ตอนที่ 01 : วันแรกของการเดินทาง ::: ” ฟุกุโอกะ ” เมืองที่ถูกจัดอันดับว่าเป็นเมืองน่าอยู่อันดับที่ 12 ของโลก :::
+ ตอนที่ 02 : วันที่สองของการเดินทาง ::: เที่ยวเมือง Yufuin และนั่งรถไฟขบวนสุดฮิต Yufuin No Mori :::
+ ตอนที่ 03 : วันที่สามของการเดินทาง ::: เที่ยวปราสาทคุมาโมโตะ ตามรอยละครตามหา ศาลเจ้ากลกิโมโน :::
+ ตอนที่ 04 : วันที่สี่ของการเดินทาง ::: เดินทางไปหาเสาโทโรอิกลางน้ำ ที่ฮิโรชิมา ปิดท้ายที่ย่าน Sakae :::
+ ตอนที่ 05 : วันที่ห้าของการเดินทาง ::: พาไปจังหวัด ” ชิงะ ” เที่ยว 2 เมืองรอบทะเลสาบบิวะ ::: < กำลังอ่านอยู่บทความนี้ >
+ ตอนที่ 06 : วันที่หกของการเดินทาง ::: ฝนตกทั้งวันเที่ยวเมือง คามาคุระ และตอนเย็นที่โยโกฮาม่า :::
+ ตอนที่ 07 : วันที่เจ็ดของการเดินทาง ::: พาเที่ยวเมืองหลวงของญี่ปุ่น ” โตเกียว ” ออกตามหา Gundam :::
+ ตอนที่ 08 : วันที่แปดของการเดินทาง ::: เที่ยวนากาโน่ ต้องลองไปรู้จักแล้วจะหลงรักเมืองนี้ :::
+ ตอนที่ 09 : วันที่เก้าของการเดินทาง ::: เที่ยวจังหวัดมิเอะ พาไปยังศาลเจ้าอิเสะ Ise Jingu :::
+ ตอนที่ 10 : วันที่สิบของการเดินทาง ::: พาเที่ยวมรดกโลกปราสาทฮิเมะจิ ปิดท้ายค่ำคืนที่ Osaka Bay :::
+ ตอนที่ 11 : วันสุดท้ายของการเดินทาง ::: ไปเมืองหลวงเก่าเกียวโตเที่ยวป่าไผ่ ” อาราชิยาม่า ” ในวันฝนพรำ :::
Day 5 วันที่ 30 มิ.ย. 2558 วันนี้เป็นวันที่ 5 ของการเดินทางเที่ยวในญี่ปุ่นของทริปปี 2015 หลังจากเมื่อคืนเรานอนพักที่เมืองนาโกย่า ( Nagoya ) เช้านี้ผมยังไม่เข้าโตเกียว ( Tokyo ) ตั้งใจไปหาเมืองเล็ก ๆ เที่ยวแถบนี้ดูก็เลยตั้งใจว่าจะไปยังจังหวัด ชิงะ ( Shinga ) ซึ่งอยู่ในภูมิภาคคันไซ ( Kansai Region ) ซึ่งบริเวณตรงนี้จะมีทะลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอยู่ คือ ทะเลสาบบิวะ ( Biwa-ko ) ซึ่งผมมีเวลา 1 วันเลยได้เที่ยว 2 เมืองเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ติดกัน เมืองแรกคือเมือง ” ฮิโกะเนะ ( Hikone ) ” ในช่วงเช้าไปเดินเล่นชมประสาทเก่าแก่หลังนึงของญี่ปุ่นคือ ปราสาทฮิโกะเนะ ส่วนในช่วงบ่ายไปอีกเมืองซึ่งผมอยากไปมากเพราะมี พิพิธภัณฑ์ Figure Kaiyodo ตั้งอยู่แต่จริง ๆ แล้วในเมืองนี้มีอะไรให้ชมหลายที่เหมือนกัน แถมไปแล้วไม่เจอคนไทยเลยผมชอบมาก นั้นคือเมือง ” นะงะฮะมะ ( Nagahama ) ติดตามการเดินทางในวันที่ 5 ได้เลยครับ
วันนี้วันที่ 30 ผมได้เจอประสบการณ์ครั้งแรกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนจะเข้ามายังโตเกียวขบวนรถไฟความเร็วสูง Shinkansen เกิดการ Delay หรือล่าช้ากันทุกขบวน ขบวนที่ผมจองล่าช้าไป 30 นาที ผมตอนแรกนั่งรอรถไฟและคนเต็มสถานีรถไฟที่นาโกย่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลยถ่ายรูปลงใน Facebook เล่าให้เพื่อนฝังว่าโคตรดวงดีเลย รถไฟ Shinkansen ที่เขาว่าไม่เคยเกิด Delay เลยหรืออย่ามากแค่ไม่ถึง 1 นาที ผมเจอไป 30 นาที เพื่อนผมเลยมาแจ้งข่าวใน Facebook บอกผมว่าเกิดการเผาฆ่าตัวตายบนรถไฟ Shinkansen สายโทไกโด ( Tokaido Shinkansen ) คือสายที่ผมจะเข้าโตเกียวนั้นละ เลยทำให้รถไฟหยุดวิ่งไปสักพัก เราถึงรู้เหตุผลในการล่าช้าของรถไฟทุกขบวน
ภาพจากข่าวทางญี่ปุ่นที่ผม Cap จากจอ Notebook แล้วถามคนที่นั้นเขาบอกเผาตัวเองบนรถไฟขบวน NOZOMI ทำให้ล่าช้ากันหมดช้าสุดที่ Delay มีถึง 100 กว่านาทีกันเลยทีเดียว นับว่าเป็นเหตุสะเทือนขวัญของชาวญี่ปุ่นอีก 1 เหตุการณ์
วันนี้ออกจากโรงแรม 7 โมงเช้ารีบออกมารีบมาเพราะสายแล้วผมจองรถไฟไว้รอบ 7 โมง 36 นาที เลยไม่ได้ทานข้าวเช้าที่โรงแรมเพราะเขาเริ่มเปิดให้ทานตอน 7 โมงครึ่ง ก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับมายังสถานี NAGOYA
เวลายังเหลือ ๆ สำหรับไปขึ้นรถไฟเราเลยเอากระเป๋าเป้เราไปฝากไว้ในตู้ Locker ก่อนไม่อยากแบกไปด้วย เข้าไปในสถานีก็ยื่นบัตร JR Pass ให้เจ้าหน้าที่ทางขวามือในรูปดู ก็เดินเข้าเลย
เรานั่งรถไฟย้อนกลับไปทาง OSAKA ไปขึ้นชานชาลาที่ 16 กัน
วันนี้ขึ้นขบวน SHINKANSEN HIKARI 495 ได้นั่งตัว N700A series ตัวใหม่
ด้านในนี้ว่างเลย ตอนหลังพึ่งรู้ว่าขบวนนี้เริ่มต้นที่สถานี NAGOYA วิ่งยาวไปถึงสถานี HAKATA ที่นั่งยังเป็นแบบ 3 – 2
ทุกตู้ของรถไฟ Shinkansen จะเป็นตู้ปลอดบุหรี่ แต่จะมีพื้นที่ให้คนสูบบุหรี่ให้สูบเป็นห้องในขบวนให้ด้วยนะครับ
แผนผังรถไฟขบวนที่เราขึ้น เรานั่งอยู่ตู้ที่ 7 นั่งจากสถานี NAGOYA ไปลงยังสถานี MAIBARA ใช้เวลา 25 นาที
พอมาถึงสถานี MAIBARA ก็เปลี่ยนขบวนไปขึ้นสาย JR Biwako Line เพื่อไปยังสถานี HIKONE
ขบวน JR Biwako Line จะพาเราไปยังเมือง ฮิโกะเนะ ( Hikone ) แต่บอกเลยเด็กนักเรียนเยอะมากกับขบวนนี้ มีทั้งหลายระดับชั้น ( ผมดูจากการแต่งตัวเอานะ )
นั่งจากสถานี MAIBARA มาเพียง 5 นาทีเองก็ถึง สถานี HIKONE ดูรูปได้ครับมีแต่นักเรียนทั้งนั้นช่วง 8 โมงเช้า ตอนหลังพึ่งรู้ว่าเป็นเมืองนี้มีหลายโรงแรม มีถึงสองมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจังหวัดชิงะ และ มหาวิทยาลัยเซเซน
เราจะไปยังปราสาทฮิโกะเนะ ( Hikone Castle ) ออกทาง West Exit โลด
ห้องจองตั๋วและจำหน่ายตั๋วของ JR ในสถานี HIKONE เช้า ๆ แบบนี้ยังไม่มีพนักงาน
รถบัสของเมืองมีเจ้าตัว Mascot ของเมืองที่มีชื่อว่า Hiko-nyan ติดอยู่ที่ตัวรถด้วย
ภาพด้านหน้าของสถานี HIKONE เป็นสถานีที่ยังใหม่อยู่เลย
อนุสาวรีย์ด้านหน้าสถานี HIKONE เป็นรูปปั้นของท่าน Ii Naomasa ผู้ที่ริเริ่มการก่อสร้างปราสาทฮิโกะเนะ
เราจะไปยังปราสาทวิธีไปง่าย ๆ เดินถนนเส้นตรงหน้าสถานีรถไฟ เดินตรงไปอย่างเดียวก็เจอแล้ว
ด้านหน้าทางเข้าก่อนไปถึงตัวกำแพงปราสาท จะเดินผ่านศาลเจ้าแบบนี้
ศาลเจ้าก่อนทางปราสาทในช่วงเช้ายังไม่มีคนมา เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ของเมือง
ออกจากศาลเจ้าแล้วเลี้ยวขวา ออกไปจะเห็นทางเดินไปยังปราสาทฮิโกะเนะ ( Hikone Castle )
บรรยากาศเงียบสงบดี ๆ จริง ๆ คนไม่เยอะวุ่นวายชอบแบบนี้ ถ้ามาช่วงซากุระในรูปตรงนี้จะเต็มไปด้วยดอกซากุระ
เราเดินมาเรื่อยตามถนนมาก็ถึงทางเข้า ก็ต้องซื้อตั๋วกันก่อน
ตั๋วก็มีแบบ 2 แบบ แบบดูปราสาทอย่างเดียวก็ราคา 600 เยน ถ้าเข้าสวนด้วยขายคู่กัน 1,000 เยน
จะเดินขึ้นไปยังปราสาทอาจจะต้องออกแรงกันหน่อยเพราะตัวปราสาทตั้งอยู่บนเขา เราต้องลอดข้ามสะพานไม้อันแก่าแก่นี้ แล้วขึ้นไปด้านบนเพื่อข้ามสะพานนี้ไปยังตัวปราสาท
มองเห็นตัวปราสาทอยู่ลิบ ๆ ต้องเดินขึ้นไปอีกหน่อยแค่นี้ก็เหนื่อยแล้วบอกตรง ๆ ดีว่าอากาศไม่ร้อนนะ
เมื่อกี้เรารอดสะพานมาที่นี้เราก็ต้องข้ามสะพานไปเพื่อเข้าไปยังปราสาท
ถึงแล้วครับ ปราสาทฮิโกะเนะ ( Hikone Castle ) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในยุคเอะโดะที่เมืองฮิโกะเนะ จังหวัดชิงะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดชิงะ และเป็นปราสาทหนึ่งใน 12 แห่งของญี่ปุ่นที่ยังคงอนุรักษ์สภาพเดิมเอาไว้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง และเป็นหนึ่งในสี่ปราสาทของญี่ปุ่นที่เป็นมรกดแห่งชาติ
วิวจากบนเขาที่ปราสาทตั้งอยู่มองเห็นเมือง Hikone ทั้ง 4 ด้านเลย
เราเข้าไปยังด้านในกันครับ ปราสาทฮิโกะเนะ ( Hikone Castle ) นั้นเข้าไปด้านในต้องทำการถอดรองเท้าแล้วหิวใส่ถุงพลาสติกแล้วหิ้วเข้าไปนะครับ
มาดูภายในด้านในของตัวปราสาทกันครับ
อันนี้เป็นคำเตือนส่วนตัว ถ้าจะพาผู้สูงอายุที่ขาไม่ดีมา อย่าให้เข้าข้างในเลยครับเพราะบันไดที่นี้ตอนขึ้นไปชั้นบนมันชันมากบอกตรง ๆ
เห็นแล้วรู้สึกได้ว่าเป็นปราสาทเก่าและดั่งเดิมจริง ๆ สำหรับปราสาทฮิโกะเนะ ( Hikone Castle )
ใช้เวลาอยู่ตรงนี้สักพักก็ถึงเวลาที่ต้องไปจากตรงนี้แล้วเพราะตอนนี้มันใกล้ 11 โมงแล้วยังต้องไปอีกเมืองในครึ่งวันบ่าย ส่วนสวนติดกันไม่ได้เข้าไปนะครับ
ตอนกลับผมลงอีกทางนึง คนละทางกับตอนมาเพราะผมจะไปถนน Yume Kyobashi Castle Road
ข้ามสะพานไม้ข้ามคูน้ำรอบตัวปราสาทแล้วเลี้ยวขวาเดินตรงไปเลยจนเจอถนนใหญ่ อันนี้ผมถามนักศึกษามหาลัยมา เพราะซ้ายมือเป็นมหาลัยเจอนักศึกษาพูดอังกฤษได้เลยถามเขาก็เลยบอกให้เดินไปทางนั้น
เดินออกมาชนถนนใหญ่แล้วเลี้ยวขวาครับ ตามที่น้องนักศึกษาบอกเลย ที่นี้บริเวณฟุตบาทเขาจะใหญ่มากแบ่งออกเป็นช่องคนเดินและช่องจักรยาน เพราะเมืองไม่ใหญ่แบบนี้เขายังปั่นจักรยานกันอยู่เยอะเลยครับ บ้านเราน่าจะเอาแบบเขามั้ง
เดินจากทางเมื่อกี้มาเรื่อย ๆ จะเจอสามแยกใหญ่มีรถเลี้ยวเข้าไปเยอะ ๆ นั้นละครับถนน Yume Kyobashi Castle Road
สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านขายของ ร้านอาหารไม่ใช่ร้านเล็กแบบในตัวเมืองใหญ่ ๆ นะครับ ร้านที่นี้ใหญ่มากแต่ละร้านแต่ราคาไม่แพงเลย
ผมเดินไปถึงยังไม่ 11 โมงดีเพราะผมถามเขาว่าร้านเปิดกันกี่โมง ส่วนใหญ่แถวนี้ร้านเปิดกัน 11 โมงครับผม
เดินไปเรื่อย ๆ ตั้งใจเดินสุดถนนก็จะวกกลับไปยังสถานีรถไฟ แต่ก่อนสุดถนนฝั่งด้านขวามือจะเจอวัดอยู่เลยแวะเข้าไปดูไหน ๆ ก็เดินผ่านมาแล้ว ในแผนเราไม่มีตรงอยู่เลยไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน
ด้านในเงียบสงบมากครับ เป็นวัดไม่ใหญ่มากแต่ถามผมก็สวยไปอีกแบบนะครับ
ตามธรรมเนียมก่อนเข้าวัด เข้าศาลเจ้าก็ล้างมือล้างปาก แล้วค่อยเดินเข้าไป
ถ่ายรูปอะไรเสร็จก็ออกมาทางเดิมเจอป้ายทางแยกผมก็ซ้ายเลยเพื่อเดินย้อนกลับมาเพื่อไปสถานีรถไฟ
เดินมาทางซ้ายมันจะเป็นเหมือน Shopping Mall เล็ก ๆ ในเมืองเพราะตัวอาคารเป็นแบบสมัยใหม่ แต่เงียบมากหรือเพราะมันไม่ใช่วันเสาร์ อาทิตย์ หรือ ?
แล้วเที่ยงกว่าผมก็เดินกลับมาถึงยังสถานีรถไฟ HIKONE จะไปต่อที่เมือง นะงะฮะมะ ( Nagahama ) ก็ต้องนั่งรถไฟไปลงที่สถานี MAIBARA แล้วไปต่อรถไฟที่นั้นอีกที
ถึงสถานี MAIBARA ไปเปลี่ยนเป็นสาย Hokuriku Line เพือไปยัง นะงะฮะมะ ( Nagahama ) ดูจากป้ายด้านบนเลยครับ หรือถามเจ้าหน้าที่ได้เลย
เดียวเราจะขึ้นขบวนนี้ JR Special Rapid Service ใช้เวลาเพียง 9 นาทีจากสถานี MAIBARA ไปยังสถานี NAGAHAMA
คนไม่เยอะเลือกที่นั่งตามใจชอบเลย พวกเลือกตู้หน้าเพื่อเห็นในมุมมองคนขับรถไฟบ้าง
นั่งยังไม่ทันหายเมื่อยเลยก็ถึงแล้ว สถานีรถไฟ NAGAHAMA เมือง นะงะฮะมะ ( Nagahama )
เดินข้ามสะพานลอยข้ามทางรถไฟไปยังตัวสถานี ต้องบอกว่าสถานีไม่เล็กนะครับ และยังใหม่อยู่เลย
สถานี NAGAHAMA มีตู้ Locker ฝากกระเป๋าด้วยนะครับ
มาดูแผนที่ของเมือง นะงะฮะมะ ( Nagahama ) ฝั่ง East ว่ามีสถานที่น่าเที่ยวอะไรบ้าง แต่ที่หลัก ๆ ที่ผมตั้งใจมาที่นี้ก็เพื่อมา Kaiyodo Figure Museum
ผมมาถึงตรงนี้ประมาณบ่ายโมง เห็นเด็กนักเรียนญี่ปุ่นเดินไปตรงนี้เลยเดินตามติดมันติดกับชั้นบนของสถานีรถไฟ NAGAHAMA เหมือนเป็นห้างเล็ก เดินเข้าไปเป็น Food Center ดีเลยกินข้าวกลางวันตรงนี้ นั่งดูนักเรียนญี่ปุ่นไปด้วย เต็มไปหมดตรงพื้นที่ตรงนี้
กองทัพเดินด้วยท้องทานอิ่มแล้วไปต่อกันได้แล้วก็ตามแผนที่เดินออกเข้าเมืองออกทาง East Gate
ภาพสถานีรถไฟ NAGAHAMA ขนาดเมืองต่างจังหวัดสถานีเขายังดูสะอาดและใหม่อยู่เลย
เดินตามแผนที่มาเลยไม่หลงเพราะไม่ซับซ้อนอะไร จากสถานีเดินมาประมาณ 10 – 15 นาทีก็ถึงแล้ว Kaiyodo Figure Museum
ตัวผมเองก็พึ่งมารู้ก่อนไปเหมือนกันว่ามันอยู่ที่เมืองนี้ ไม่เคยรู้มาก่อน มารู้ตอนอ่านข้อมูลของเพื่อนชาวญี่ปุ่น มาอยู่เมืองเล็ก ๆ ซึ่งไม่ค่อยเห็นรีวิวของคนไทยเท่าไหร่นัก
ค่าเข้าชม 800 เยน แล้วเจ้าหน้าที่จะให้มา 1 เหรียญเอาหมุนตู้ไข่ได้ 1 ครั้ง ส่วนที่เขียน 1,000 เยน นั้นไม่รู้ได้อะไรบ้างไม่ได้ถาม ปล. เจ้าหน้าที่น่ารักมากไม่กล้าถ่ายรูปเธอตรง ๆ
แบ่งออกเป็น 2 ชั้นพื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่กว่าจะถ่ายแต่ละตู้หมดก็กินเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่งที่อยู่ตรงนี้ สถานีที่แห่งนี้ถ้าใครรู้จักของเล่นในชื่อของ REVOLTECH ต้องไม่พลาดที่จะมาเยือนที่นี้แน่นอน
ของเล่นจากค่าย REVOLTECH ที่ผมชอบมากที่สุดก็คือซีรีย์นี้ โยทสึบะ ( Yotsuba ) และเจ้าตัว แดนบอร์ด ( Danboard )
ตัวใหญ่ขนาดใหญ่กว่าตัวคนนิดนึงไม่นั้นคือ EVA 01 จากอนิเมะเรื่อง อีวานเกเลี่ยน ( Evangelion )
แต่ละตู้ที่โชว์เอาของเล่นในค่าย REVOLTECH มาจัดเป็นฉากไดโอราม่าแต่ละอันบอกเลยเห็นแล้วอยากได้ ภาพทั้งหมดในตู้ไปดูในกระทู้ย่อยละกันครับ ตรงนี้เข้าแบ่งเป็นโซน ๆ ด้วย เช่นตรงนี้เป็นของ Hero Robot Collection
เห็นแล้วอยากได้มากแต่ละตัวโดยเฉพาะจาก Star Wars
โซนของพวก Figure ดัง ๆ จากอนิเมะหลายเรื่องที่เขาทำขึ้นมาขายตัวใหญ่มาก ๆ
นอกจากโชว์ของแล้วยังมีของขายจากค่าย REVOLTECH จำหน่ายที่นี้ด้วยนะครับ
และผมกับพี่ ก็เสียตังค์กันตามระเบียบ โดนกันไปเยอะอยู่เหมือนกัน
นอกจากนั้นในเมืองนี้ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกหลายที่เหมือนกัน ที่แรกเลยติดกับ Kaiyodo Figure Museum คือที่ตรงนี้เรียกว่า Kurokabe Glass Shop
เขาบอกว่าเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องการเป่าแก้วและมีโรงงานอยู่ตรงนี้ ตรงนี้เป็นสินค้าพวกแก้วที่เขาทำออกมาหลายรูปแบบมาจำหน่าย เปิด 10 โมงเช้า ปิด 6 โมงเย็น
มาดูด้านในของ Kurokabe Glass Shop ตอนเดินต้องระวังให้ดีถ้าโดนล่วงลงมาแตกแน่ แต่ต้องบอกเลยงานแก้วสวย ๆ ในนี้เพียบ นักท่องเที่ยวคนอื่นเห็นเขาซื้อกลับกันไปเยอะ
เดินถัดออกมาจาก Kurokabe Glass Shop อีกซอยก็จะเป็นร้านขายอาหารตลอดแนว และร้านขายของฝาก ถ้าหิวก็เลือกร้านกินเลยครับ แต่เรายังอิ่มอยู่เลยเดินดูเฉย ๆ
ขนมของฝาก เขามีให้ลองชิม ผมลองแล้วไม่รู้เรียกอะไรแต่อร่อยดีเลยจัดกลับมากิน 3 ห่อ
ดูจากแผนที่ถัดมาจาก Kurokabe Glass Shop เดินมาไม่ไกล ก็จะเจอศาลเจ้า Hokokujinja Shrine
ตามแบบศาลเจ้าญี่ปุ่นเป๊ะ ต้องมีเสาโทโรอิสีแดงก่อนทางเข้า คนไม่ค่อยมีถ้าใครชอบถ่ายรูปมาเมืองนี้สบายเลย
ตรงนี้ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือ มีงานกิจกรรมอะไรหรือเปล่า อ่านไม่ออก
ถ้าดูแผนที่จะเห็นได้ว่าอีกฝั่งของสถานีรถไฟคือฝั่งทางออก West Gate ก็จะมีตัวปราสาทเก่าแก่อีกหลังที่เมืองนี้นั้นคือ ปราสาทนะงะฮะมะ ( Nagahama Castle ) เวลายังเหลือผมเลยลองเดินไป ก็ไม่ไกลจากสถานีรถไฟประมาณ 10 นาที
เห็นมาแต่ไกล ปราสาทนะงะฮะมะ ( Nagahama Castle )
ปราสาทนะงะฮะมะ ( Nagahama Castle ) สร้างขึ้นในปี 1575-1576 สร้างโดย Toyotomi Hideyoshi เป็นปราสาทที่มองเห็นพื้นที่กว้างใหญ่ของทะเลสาบ Biwa ค่าเข้า 400 เยน
เมืองนี้ต้องลองมาเที่ยวดูครับ ถ้าไม่อยากไปเมืองใหญ่ ๆ ที่นี้บอกเลยเดินมาครึ่งวันไม่เจอคนไทยเลย ^^
และก็ถึงเวลาที่เราต้องกลับไปเอาของที่นาโกย่า ( Nagoya ) เพราะเดียวเราต้องนั่งรถไฟเข้าโตเกียว ( Tokyo ) ก็กลับมาขึ้นรถไฟที่สถานี NAGAHAMA
ขากลับผมขี้เกียจไปต่อรถไฟที่สถานี MAIBARA อยากนั่งทีเดียวถึงสถานี NAGOYA เลย ก็เลยขึ้นขบวนที่เป็น LTD. EXP แทนเวลาต่างกับไปสถานี MAIBARA แล้วต่อ SHINKANSEN ไม่เท่าไหร่ 20 นาทีถือว่านั่งพักด้วย ก็เลยนั่งเจ้า LTD. EXP SHIRASAGI 10 มาลงยังสถานี NAGOYA เลยทีเดียว
LTD. EXP SHIRASAGI เป็นรถไฟของ JR West ใช้เวลาจากสถานี NAGAHAMA ไปยังสถานี NAGOYA ใช้เวลา 72 นาที
ด้านในตัวประตูเข้าตรงที่นั่งถ้าเป็นรถไฟความเร็วสูงประตูมันจะเปิดให้เองแต่ขบวน LTD. EXP SHIRASAGI ต้องเอามือแตะตรงรูปมือประตูถึงจะเปิด
ภายในที่นั่งของขบวน LTD. EXP SHIRASAGI นั่งสบายครับเราก็นั่งให้หายเมือยพอดีอีกชั่วโมงกว่า ๆ กว่าจะถึงสถานี NAGOYA
ถึง NAGAYA ผมก็เริ่มเห็นความแปลกใจแล้วในชานชาลาทำไมคนมันเยอะแบบนี้ เมื่อวานตอนมาถึงก็เวลาใกล้ ๆ 5 โมงเย็นยังไม่เยอะเท่านี้
ผมก็รีบลงไปเอาเป้ใน Locker ที่ฝากไว้ คนนี้เต็มห้องขายตั๋วรถไฟของ JR ล้นออกมาข้างนอกเลย นึกในใจมันไม่อะไรหรือป่าวหว่าคนถึงเยอะแบบนี้
มานั่งด้านบนชานชาลา ก็ทำไมคนมันเยอะห้องที่ให้นั่งรอนี้แน่นเลย เลยไปดูป้ายบอร์ด เฮ้ย !!! อะไรวะ ขบวน NOZOMI ที่ว่าเร็วสุด Delay เป็นว่าเล่นเลยเริ่มตั้งแต่ 10 นาทีขึ้นไป ผมก็เข้าใน hyperdia ดูเวลาในรถไฟแล้วมาดูขบวนที่ขึ้นบอร์ด มันเป็นขบวนก่อนหน้าขบวนที่ผมจองไว้ตั้ง 4 ขบวน มันเกิดอะไรขึ้นนึกในใจเพราะเท่าที่รู้รถไฟความเร็วสูง SHINKANSEN แถบจะไม่มีการ Delay เลย มาเที่ยวนี้ผมเจอการ Delay
ก็อย่างที่เล่าในตอนแรกถ่ายรูปบอร์ดเวลาลง Facebook แล้วก็เล่่าว่าขำดีมาเจอ SHINKANSEN Delay ดวงอะไรจะดีขนาดนี้ เพื่อนผมถึงมา Comment แล้วบอกว่ามีการเผาตัวเองฆ่าตัวตายในรถไฟ SHINKANSEN สายโทไกโด ( Tokaido Shinkansen ) ตายไป 2 คน เลยทำให้รถไฟ SHINKANSEN ขบวนนั้นต้องหยุดกลางทาง เลยเป็นผลกระทบลูกโซ่มาเลย ข่าวออกที่ไทยด้วย ผมจึงรู้เลยทำไมคนถึงเยอะแบบนี้
แต่ผมเห็นการบริหารการจัดการของเจ้าหน้า JR ต้องยอมรับเลย เขาระดมเจ้าหน้าที่มากันหมด และปล่อยรถให้เข้ามาแบบเร็วมากมีการประกาศตลอดเวลา เพื่อให้เสียเวลาในการเดินทางน้อยที่สุด แต่เสียอย่างเดียวประกาศเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนเลย ผมก็เลยไม่เข้าใจ ส่วนของผมโดน Delay ไป 25 นาที
ผมนั่งเข้า SHINKANSEN HIKARI 476 จากสถานี NAGOYA มายังสถานี TOKYO จากที่ต้องถึง 1 ทุ่ม 40 นาที วันนี้ผมมาถึงประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ
ถึงโตเกียว ( Tokyo ) ก็ต้องเข้าที่พักก่อนเหนื่อยแล้ว ผมจองที่พักไว้ที่แถวสถานีรถไฟ NIPPORI สามารถไปได้โดยรถไฟสาย JR Yamanote และ JR Keihin-Tohoku/Negishi Line
ไปสีไหนก็ได้ถ้ามาก่อนเขียว หรือ ฟ้า ก็ได้ แต่ตอนขึ้นดูทางที่มันเขียนว่าไป UENO ทางนั้นจะไม่วิ่งวนอ้อมสำหรับสาย JR Yamanote ก่อนเข้ามารอรถไฟตรงทางเข้าเราก็แค่โชว์บัตร JR Pass ให้เจ้าหน้าที่แค่นั้นเหมือนเดิม
ที่นั่งโล่งเชียวในสายสีเขียว JR Yamanote
ใช้เวลานั่งจากสถานี TOKYO มา 13 นาที
โรงแรมที่ผมจองคืนนี้ชื่อ Hotel MyStays Nippori ซึ่งตามแผนที่โรงแรมบอกให้ออกทาง South Gate เท่านั้น
โรงแรมเดินจากสถานีรถไฟ NIPPORI ไม่ไกลประมาณ 10 นาทีผ่าน Family Mart เส้นนั้นมีร้านอาหารเล็ก ๆ หลายร้านทางไปโรงแรม พอเข้าไปเพื่อ Check in ก็ถามถึงกระเป๋าที่ผมส่งมาจาก Hotel MyStays Fukuoka Tenjin เอาตั๋วฝากกระเป๋ามาให้พนักงานโรงแรมดู เขาก็พาเราไปเอากระเป๋า มาดูตรงป้าย Tag ติดกระเป๋าก็ร้องอ๋อ !!! เขาใช้บริการแมวดำส่งมาอีกทีนั้นเอง
ผมก็เข้าห้องพักเลย อันนี้เป็นห้องนอนที่จองสำหรับนอน 2 คนนะครับเตียงดูอาจจะเล็กไปหน่อยแต่ผมลองนอนกับพี่แล้ว นอนได้ครับไม่อึดอัดมาก ห้องเล็ก ๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น แต่มีห้องน้ำในตัว จองผ่าน Agoda ได้คืนละ 1,800 กว่าบาท สำหรับวันนี้ผมก็ขอนอนเอาแรงละพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาเที่ยวต่อ ขอบคุณสำหรับที่ติดตามนะครับ
Final ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องราวของผมในตอนแรกในการเดินทางไปยังญี่ปุ่นนะครับ ผิดถูกยังไงก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยแล้วกัน ชอบเรื่องราวการเดินทางของผมคิดว่ามีประโยชน์กับการเดินทางของท่านก็ฝากกด Like กด Share หรือบอกต่อ ๆ กันไป หวังว่าเรื่องราวการเดินทางของทางเราจะมีประโยชน์นะครับ
ติดตามตอนเรื่องราวการเดินทางวันที่ 6 ได้ที่นี้ : วันที่หกของการเดินทาง ::: ฝนตกทั่งวันเที่ยวเมือง คามาคุระ และตอนเย็นที่โยโกฮาม่า :::
T R A V E L – J A P A N – 2 0 1 5
- Travel Japan 2015 : Day 1
- Travel Japan 2015 : Day 2
- Travel Japan 2015 : Day 3
- Travel Japan 2015 : Day 4
- Travel Japan 2015 : Day 5
- Travel Japan 2015 : Day 6
- Travel Japan 2015 : Day 7
- Travel Japan 2015 : Day 8
- Travel Japan 2015 : Day 9
- Travel Japan 2015 : Day 10
- Travel Japan 2015 : Day 11