Travel Japan 2015 ::: เที่ยวเมือง Yufuin และนั่งรถไฟขบวนสุดฮิต Yufuin No Mori :::
Travel Japan 2015 : Day 2 เที่ยวเมือง Yufuin และนั่งรถไฟขบวนสุดฮิต Yufuin No Mori
ติดตามอ่านบทนำ ข้อมูลก่อนเดินทางทริปนี้ได้ที่นี้
+
ติดตามเรื่องราวการเดินทางได้ที่นี้
+ ตอนที่ 01 : วันแรกของการเดินทาง ::: ” ฟุกุโอกะ ” เมืองที่ถูกจัดอันดับว่าเป็นเมืองน่าอยู่อันดับที่ 12 ของโลก :::
+ ตอนที่ 02 : วันที่สองของการเดินทาง ::: เที่ยวเมือง Yufuin และนั่งรถไฟขบวนสุดฮิต Yufuin No Mori ::: < กำลังอ่านอยู่บทความนี้ >
+ ตอนที่ 03 : วันที่สามของการเดินทาง ::: เที่ยวปราสาทคุมาโมโตะ ตามรอยละครตามหา ศาลเจ้ากลกิโมโน :::
+ ตอนที่ 04 : วันที่สี่ของการเดินทาง ::: เดินทางไปหาเสาโทโรอิกลางน้ำ ที่ฮิโรชิมา ปิดท้ายที่ย่าน Sakae :::
+ ตอนที่ 05 : วันที่ห้าของการเดินทาง ::: พาไปจังหวัด ” ชิงะ ” เที่ยว 2 เมืองรอบทะเลสาบบิวะ :::
+ ตอนที่ 06 : วันที่หกของการเดินทาง ::: ฝนตกทั้งวันเที่ยวเมือง คามาคุระ และตอนเย็นที่โยโกฮาม่า :::
+ ตอนที่ 07 : วันที่เจ็ดของการเดินทาง ::: พาเที่ยวเมืองหลวงของญี่ปุ่น ” โตเกียว ” ออกตามหา Gundam :::
+ ตอนที่ 08 : วันที่แปดของการเดินทาง ::: เที่ยวนากาโน่ ต้องลองไปรู้จักแล้วจะหลงรักเมืองนี้ :::
+ ตอนที่ 09 : วันที่เก้าของการเดินทาง ::: เที่ยวจังหวัดมิเอะ พาไปยังศาลเจ้าอิเสะ Ise Jingu :::
+ ตอนที่ 10 : วันที่สิบของการเดินทาง ::: พาเที่ยวมรดกโลกปราสาทฮิเมะจิ ปิดท้ายค่ำคืนที่ Osaka Bay :::
+ ตอนที่ 11 : วันสุดท้ายของการเดินทาง ::: ไปเมืองหลวงเก่าเกียวโตเที่ยวป่าไผ่ ” อาราชิยาม่า ” ในวันฝนพรำ :::
Day 2 วันที่ 27 มิ.ย. 2558 วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเดินทางเที่ยวในญี่ปุ่นของทริปปี 2015 วันนี้เราได้จองขบวนรถไฟที่เรียกได้ว่าสวยขบวนนึงในญี่ปุ่น และเรียกได้ว่าเป็นขบวนสุดฮิตที่ชาวต่างชาติและคนญี่ปุ่นเองมาขึ้นกันนั้นคือ ขบวนรถไฟที่ชื่อ ” Yufuin No Mori ” เมื่อวานเราจองได้ตอนขากลับช่วงเวลา 5 โมงเย็น ช่วงเช้าเราเลยมีเวลาไปเที่ยวเมืองที่เรียกว่าเมืองแห่งบ่อน้ำพุร้อน นั้นคือ เมือง เปปปุ หรือ Beppu นั้นเอง โดยแบ่งครึ่งวันเช้าไปเที่ยว เปปปุ แล้วช่วงบ่ายเที่ยวที่ ยูฟูอิน ( Yufuin ) ติดตามการเดินทางในวันที่ 2 ได้เลยครับ
วิธีการนั่งรถไฟจากเมืองฟุกุโอกะไปเมืองเปปปุ นั้นมีทางเดียวคือไปเริ่มต้นนั่งรถไฟที่สถานีฮากาตะ ( Hakata ) ไปลงยังเมืองเปปปุเลย ( Beppu ) ซึ่งถ้าใครใช้ JR North Kyshu ถ้าเราไปค้นเส้นทางใน Website : Hyperdia มันจะหาเส้นทางเร็วสุดคือนั่งรถไฟ SHINKANSEN ไปลงยังเมือง KOKURA แล้วต่อขบวน SONIC จะถึงเมืองเปปปุ ซึ่งขอบเขตของบัตร JR North Kyshu ไม่สามารถนั่ง SHINKANSEN ไปลงยังเมือง KOKURA ได้เพราะเส้นทางนั้นเป็นรางของ JR West ฉะนั้นเส้นทางที่คุณใช้บัตร JR North Kyshu จากฮากาตะ ไปยัง เปปปุ ได้คือต้องขึ้นขบวน LTD. EXP SONIC ตั้งแต่ต้นทางฮากาตะเลย ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 140 – 160 นาที ตรงนี้ระวังกันให้ดีนะครับ
วันนี้ผมจองรถไฟขบวน LTD. EXP SONIC ออกจากสถานี HAKATA ตอน 7 โมงเช้า ก็ออกจากโรงแรมประมาณ 6.00 น. แล้วฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ที่โรงแรม แยกเสื้อผ้าใส่เป้มาชุดนึงเพราะคืนนี้ ผมไปพักที่เมืองคุมาโมโต้ ( Kumamoto ) แต่อีกวันมานอนที่เดิม ทางโรงแรมเขาเลยยอมให้ฝากกระเป๋าใหญ่ทิ้งไว้ที่โรงแรมได้เลยครับ
ถึงสถานี HAKATA ประมาณ 6.30 น.ก็หาที่ซื้อข้าวกล่องไปไว้กินในรถไฟ ซึ่งชาวญี่ปุ่นก็นิยมกินข้าวกันในรถไฟ แล้วก็โดดขึ้นขบวน LTD. EXP SONIC 3 ขบวนสีน้ำเงิน ต้นทางสถานี HAKATA ไปยังสถานี BEPPU ใช้เวลาเดินทาง 142 นาที ( นอนหลับไปเลย )
นี้คือด้านในของขบวน LTD. EXP SONIC นั่งสบายมาก ๆ เก้าอี้สามารถหมุนหากันได้ ซึ่งพอถึงสถานี KOKURA เราต้องหันเก้าอี้มาอีกทางเพราะรถไฟจะวิ่งไปอีกทาง จากตอนที่เรานั่งมาเราเลยต้องหมุนเก้าอี้ ( เพราะเรานั่งมาแล้วพอถึง KOKURA ชาวญี่ปุ่นก็พยายามจะหมุนเก้าอี้ให้เรา ซึ่งตอนแรกเราก็ งง ว่าเขาจะหมุนเก้าอี้เราทำไม จนมีคนพูดภาษาอังกฤษได้มาบอกว่าเดียวรถไฟจะวิ่งไปอีกทาง ให้หมุนที่นั่งดีกว่า เราเลยเข้าใจและขอบคุณชาวญี่ปุ่น ที่พยายามจะหมุนเก้าอี้ให้เรา ^^ )
ตั๋วที่จองไว้จะมีเจ้าหน้าที่เดินมาตรวจและขอดูตั๋วอีกที แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะประทับตราอักษรญี่ปุ่นและวันที่ขึ้นในบัตรให้เรา เก็บไว้เป็นที่ระลึกได้เลย
พาเดินชมส่วนต่าง ๆ ในขบวน LTD. EXP SONIC กันครับ เพราะคิวชู ขึ้นชื่อเรื่องการตกแต่งภายในรถไฟอยู่แล้ว
ด้านหน้าของเบาะที่เรานั่งจะบอกผังในรถไฟ ว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน ที่ทิ้งขยะ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ถึงเวลาทานอาหารเช้าซึ่งซื้อมาจาก Family Mart ในสถานี HAKATA อย่างแรกแซนวิชหมูทอด ราคา 430 เยน
อีกอันเป็นข้าวไก่ทอดจาก Family Mart เหมือนกันราคา 820 เยน อร่อยใช้ได้ทีเดียว
กินเสร็จ แล้วนอนหลับได้สักพักก็ถึงที่หมายแล้วสถานี BEPPU
ขอบคุณเจ้า LTD. EXP SONIC ที่มาส่ง และมันก็มุ่งหน้าต่อไปยัง OITA
ป้ายยินดีต้อนรับสู่เมืองเปปปุ เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งน้ำพุร้อน
มาถึงตรงสถานี BEPPU สิ่งแรกเลยคือหา Information เพื่อไปขอแผนที่การเดินรถเพราะเราคงไม่เดินครบทุกบ่อหรอกครับ อย่างเก่งก็ 4 บ่อก็พอ ก็เลยไม่ซื้อ One Day Pass ใช้บัตร Suica จ่ายแทนเพราะไปแค่ 4 บ่อ
รู้เส้นทางแล้วก็ออกมายืนรอป้ายรถด้านนอก ก็จะมีแผนที่บอกเหมือนกันว่าจะขึ้นรถสายไหนไปไหนได้บ้าง
อีกอย่างที่ผมเห็นงานด้านบริการแบบนี้เขาให้ผู้สูงอายุมาดูแลครับ อย่างคุณลุงคนนี้ก็เป็นเจ้าหน้าที่บอกว่ารถบัสคันนี้ไปไหน ไปได้ไม่ได้ ลุงแกน่ารักมาก
ภายในรถก็จะมีป้ายเป็นภาษาอังกฤษบอกว่าป้ายหน้าคือจอดป้ายอะไร ป้ายทีเราจะไปลงคือ Umijigoku ตอนลงรถเราใช้บัตร Suica แตะแทนเงินสดง่ายมาก นั่งรถไปประมาณ 20 – 30 นาทีจากหน้าสถานี BEPPU ก็ถึงครับ
สังเกตุง่าย ๆ ถ้ารถเริ่มขึ้นเขาแล้วมองป้ายสีฟ้าใหญ่ ๆ จะเขียน Umijigoku ก็เตรียมตัวลง ไม่ต้องกลัวครับมีนักท่องเที่ยวลงเยอะ
บริเวณนี้ก็จะมีบ่อน้ำพุร้อนหลายบ่ออยู่ติด ๆ กัน สามารถเดินกันได้ถึง ยกเว้นเจ้า 2 บ่อที่ต้องนั่งรถบัสไปอีก
ในการท่องเที่ยวบ่อทั้ง 8 ค่าเข้าชมแต่ละบ่อราคาบ่อละ 400 เยน แต่จะมีตั๋วที่เป็นเล่มสำหรับเข้าชมบ่อทั้ง 8 ราคาเหมา 2,100 เยน ( เข้าซัก 5 บ่อก็คุ้มแล้ว )
ได้แผนที่การเที่ยวชมบ่อน้ำพุร้อนทั้ง 8 และตั๋วเข้าชมมันจะเป็นเล่ม เข้าบ่อไหนเขาก็จะฉีกตั๋วของบ่อนั้นออก
บ่อแรกที่เข้าไปเป็นบ่อยอดฮิตที่ยังไงก็เข้านั้นคือบ่อ ยูมิ จิโกกุ ( Umi Jigoku ) หรือ บ่อทะเลเดือด (Sea Hell) ทีนี้ดูจะใหญ่กว่าที่อื่นและสวยงามเต็มไปด้วยต้นไม้
เดินขึ้นไปบนเนินเขาก่อนจะเจอบ่อที่ออกสีแดง ๆ มีควันขึ้นเต็มไปหมด
แล้วลงมาเดินผ่านสระบัวขนาดใหญ่ แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจมามืดเหมือนจะตกอีกแล้ว
ยูมิ จิโกกุ เป็นบ่อน้ำร้อนสีฟ้าเหมือนน้ำทะเล ด้วยความลึก 150 เมตร กำเนิดขึ้นหลังจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 1,200 ปีก่อน
มีส่วนประกอบของแร่โคบอลต์ (Cobalt) ควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมารอบ ๆ บ่อตลอดเวลา อุณหภูมิของน้ำสูงถึง 98 องศาเซลเซียส ( ที่มาจาก www.thaventure.com )
ด้านผ่านบ่อสีฟ้าด้านในก็จะมีเสาสีแดงเรียงขึ้นไปทางขึ้นเขา แต่เราไม่ได้เดินขึ้นไปครับ
เสร็จจากบ่อแรกก็ไปต่อบ่อที่ 2 ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน นั้นคือไปบ่อ โอนิอิชิโบสุ จิโกกุ ( Oniishibozu Jigoku ) หรือ บ่อโคลนเดือด
ที่นี้เป็นเหมือนบ่อโคลนที่กำลังเดือด มีฟองอากาศอัดขึ้นมา ปุด ๆ เป็นระยะ ๆ
ใต้หินไม่รู้เป็นอะไรแต่มีควันขึ้นมาสูงมาก ๆ น่าจะเป็นความร้อนของบ่อที่อยู่ใต้ดิน
ก่อนไปจากบ่อที่ 2 มานั่งแวะแช่พักเท้ากันสักพัก ที่เดินมาเมื่อกี้รู้สึกดีขึ้นทันที ใครไปต้องลองแช่เท้าดูนะครับ
เสร็จแล้วก็มาต่อบ่อที่ 3 อยู่ตรงข้ามกับบ่อ 2 นั้นละเดินมาใกล้ ๆ กัน บ่อยามะ จิโกกุ ( Yama Jigoku ) หรือ หุบเขานรก
ตรงนี้เป็นบ่อที่มีน้ำพุขึ้นมาตามโขดหิน และควันนี้เต็มพื้นที่ไปหมดในบริเวณบ่อ
บ่อนี้นอกจากจะมีบ่อน้ำพุร้อนแล้ว ยังมีสวนสัตว์แบบย่อม ๆ อยู่ในพื้นที่ให้ดูกันนิดหน่อย
เดินลงเนินเขามาไม่ไกลก็ถึงอีกบ่อแล้ว บ่อที่ 4 คามาโดะ จิโกกุ ( Kamodo Jigoku ) หรือ นรกกระทะทองแดง
ที่นี้ถูกเรียกอีกชื่อว่า บ่อนรกเตาอบ เพราะโดยในอดีตที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่ใช้ในการปรุงอาหารนั่นเอง ยักษ์ที่ยืนอยู่บนหม้อปรุงอาหารนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่
ตรงกลางด้านในจะเป็นบ่อสีฟ้าขนาดใหญ่มากทีเดียวตรงกลาง
มีโซนให้นั่งแช่เท้าด้วย แต่มันติดกับร้านอาหารเขาเลยมีป้ายห้ามเอาอาหารไปทานตรงที่ให้แช่เท้า
มีร้านขายของที่ระลึกด้วยตอนทางออกมา และก็ถึงเวลาที่เราต้องกลับไปที่สถานีรถไฟเพราะจองตั๋วไว้รอบเที่ยง
ขากลับไปสถานี BEPPU ต้องเดินลงเขามาไปรอที่สถานีรถบัส ซึ่งระหว่างทางเราเดินผ่านร้านที่ขายแยมโรชิ้นใหญ่ และ พุดดิ้ง เราเลยแวะซื้อซักหน่อย
จัดมากินขอบอกอร่อยใช้ได้เลยทีเดียวกินกัน 3 คนชิ้นเดียวพอ ส่วนพุดดิ้ง หรือ Purin ในภาษาญี่ปุ่น .. ว่ากันว่าพุดดิ้งของที่นี่ใช้น้ำพุร้อนในการทำด้วย ใครไปก็อย่าลืมแวะชิมกันได้นะครับ
เดินมาถึงท่ารถที่เห็นในรูปจะเป็นลานโล่ง ๆ แต่ถ้าเราจะกลับสถานี BEPPU ต้องมายืนอยู่ท่ารถฝั่งตรงข้ามลานจอดรถบัสนี้นะครับ ( คือจุดที่ผมยืนถ่ายรูปเป็นท่ารถกลับสถานีรถไฟ )
กลับมาถึงสถานีไม่ทันตอนเที่ยงเราเลยไปจองรถไฟใหม่ไปยูฟูอิน ( Yufuin ) ในรอบบ่ายโมงแทนเลยมีเวลาแวะกินข้าวที่สถานี ออกมาถ่าย Pika Pika Oji san หรือ คุณลุงปิ๊งปิ๊ง ( Shiny Uncle) ซึ่งคุณลุงปิ๊งปิ๊ง เป็นบุคคลที่มีความสำคัญในด้านของการท่องเที่ยวของเมืองเบปปุเป็นอย่างมาก เป็นบุคคลที่ทำให้เมืองเบปปุนั้นโด่งดังมีชื่อเสียงไปทั่วญี่ปุ่น และทัวร์บ่อนรกทั้งแปด Jigoku Meguri ก็เป็นไอเดียสุดเจ๋งของคุณลุงนั่นเอง
คุณลุงมีชื่อจริงว่า Kumahachi Aburaya ( ที่มาจาก www.thaventure.com )
ข้างนอกฝนก็ยังตก เลยหาอะไรกินง่าย ๆ ในสถานี BEPPU ในนั้นมีร้านอาหารหลายร้านสบายมากในการหาของกิน
เราเลยมาลองร้านพวกของทอด มีทั้งหมูทอด กุ้งทอด และอีกมากมายราคาไม่แพงด้วย ชุดละ 800 กว่าเยน
ทานเสร็จก็ใกล้เวลาบ่ายโมงที่เราจองรถไฟขบวนใหม่ หลังจากตกรถไฟในเที่ยวแรกแล้ว รอบนี้เราจองขบวน LTD. EXP YUFU ไว้ไปยังเมืองยูฟูอิน
มารอเราอยู่ที่สถานีแล้วครับ ขบวนรถไฟ LTD. EXP YUFU 4 ที่เราจะนั่งไปยังสถานี YUFUIN วิ่งตรงเลยใช้เวลาเดินทาง 60 นาที
ขบวน LTD. EXP YUFU เป็นขบวนสีแดงสด วิ่งปลายทางไปยังสถานี HAKATA ในฟุกุโอกะ
มาดูภายในของเจ้าขบวนนี้กันถึงจะเป็นรถท้องถิ่นแต่ภายในนั้นน่านั่งมาก
ที่นั่งภายในสะอาดมากเก้าอี้ใหญ่นั่งสบายมาก ตกแต่งด้านในเป็นสีโทนไม้
นั่งดูวิวข้างทางไป นั่งไป ชม. เดียวรถไฟ LTD. EXP YUFU ก็พาเรามาถึงสถานี YUFUIN
วันนี้ถึงเป็นวันเสาร์แต่คนไม่เยอะเพราะ ” ฝนตก ” ฝนตกตลอดทางเลยตั้งแต่บ่าย มาถึงแล้วก็เดินเที่ยวครับ กางร่มเดินไปดีออกคนน้อย ^^!
ออกมาจากสถานี YUFUIN ด้านซ้ายมือเดินตรงไปหน่อยจะเป็นท่ารถบัส ไปยังสนามบินฟุกุโอกะ เทนจิน และ ฮากาตะ และ ไปสนามบิน โออิตะ และ เปปปุ ได้ด้วย
เดินตาม ๆ เขาไปเลย คนไม่เยอะวันนี้ แต่ก็ต้องคอยระวังกล้องเพราะฝนมันตก
มาดูร้านค้าสองข้างทางตามถนนคนเดินในเมืองแห่งนี้ ” ยูฟูอิน ” ( Yufuin )
ชอบร้านนี้เป็นพิเศษมันคือร้าน Snoopy เป็นร้านขายอาหารตกแต่งหน้าตาอาหารเป็นเจ้าตัว Snoopy
เดินมาเรื่อย ๆ จนมาสุดทางที่ริมทะเลสาบ ยิ่งเดินยิ่งฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเหลือเวลาอีกชั่วโมงเดียว เราเลยเดินกลับไปยังสถานี YUFUIN เพื่อไปรอรถไฟ
เดินมาถึงสถานีรถไฟ YUFUIN จะ 5 โมงเย็นแล้วฝนก็ยังไม่หยุดตก
เดินมาดูห้องจำหน่ายตั๋ว ขากลับไป HAKATA วันนี้ขบวน LTD. EXP YUFUIN NO MORI รอบที่ผมจองนั้นไม่เต็ม ยังมีตั๋วจำหน่ายที่สถานี
ตอนแรกจะเดินออกไปถ่ายรถไฟฝั่งตรงข้าม แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้ออกสถานีนี้เขาขอดูตั๋วก่อนครับ ถ้าขบวนที่ยังไม่มาเขาไม่ให้ออกไปรอยังชานชาลาเหมือนสถานีอื่น ๆ ครับ
รอไม่นานก็มาแล้วขบวนพิเศษอย่าง LTD. EXP YUFUIN NO MORI ก็มาจากสถานี HAKATA ต้องรอเคลียร์คนออกมาก่อน เพราะส่วนใหญ่มาถึงก็จะมาถ่ายรูปกัน แล้วเจ้าหน้าที่ทางสถานีถึงจะให้คนที่จะกลับไปยัง HAKATA ค่อยเข้าไปแต่เขาจัดเวลาบริหารดีมากครับ รถไฟออกตรงเวลา
ป้ายสถานีรถไฟ YUFUIN กับขบวนที่เราจะนั่งกลับไปยัง HAKATA วันนี้กับขบวนพิเศษ LTD. EXP YUFUIN NO MORI 6
เจ้าหน้าที่เขายังไม่ให้ขึ้นไปบนรถไฟนะครับ เขาจะใช้เวลาทำความสะอาดและหมุนที่นั่งไปทางที่จะกลับไปยัง HAKATA
ป้ายบนพื้นสถานีให้ระวังรอยต่อของชานชาลา และตัวขบวนรถไฟกลัวจะตกลงไป
และเมื่อถึงเวลาจะมีเจ้าหน้าใส่เครื่องแบบ น่ารักมาก เราขอถ่ายรูปนะครับ เธอยิ้มให้กล้องและเชิญผู้โดยสารขึ้นขบวนพิเศษ LTD. EXP YUFUIN NO MORI 6
มาดูภายในด้านในของขบวน LTD. EXP YUFUIN NO MORI กันครับ
ที่นั่งเบาะนั่งใหญ่มากเหมาะมากสำหรับการนั่ง 2 ชม. จากสถานี YUFUIN ไปสถานี HAKATA
นอกจากนั้นรถไฟขบวนนี้มีที่วางกระเป๋าขนาดใหญ่ด้านห้านของตู้นั้น ๆ และมี Free Wifi ให้เล่นด้วยนะครับ
จากนั้นเดินไปตู้เสบียงหาอะไรกิน และซื้อของที่ระลึกของรถไฟขบวนนี้
เจ้าหน้าที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีพอสมควร เลยไม่มีปัญหาในการสื่อสาร
ตรงตู้เสบียงจะมีการ์ดที่ระลึกพร้อมตราประทับให้เราประทับ เอามาคนละ 1 อันเท่านั้น ผมเอาของเพื่อนมาถ่ายคู่กันด้านหน้าและด้านหลัง
และผมก็สอยไอศครีม วนิลามากินถ้วยนึง แต่ใครที่อยากลองรสนมถั่วเหลืองก็มีขายนะ..ว่ากันว่ามีขายบนขบวนนี้เท่านั้น นั่งฟินกินไปชมวิวข้างทางไป
ถ้าไม่เดินไปตู้เสบียง ก็เดียวจะมีเจ้าหน้าที่เข็นขนมของกิน และของที่ระลึกมาขายเหมือนกัน
และอีกหนึ่งไฮไลต์ คือ จะมีเจ้าหน้ามีป้ายมาให้ถ่ายรูปว่าขึ้นขบวน LTD. EXP YUFUIN NO MORI วันไหน เดือนไหน ปีไหน และมีหมวกมาให้ใส่เป็นพร็อบหลายแบบทีเดียว เพื่อนผมก็จัดไปซะ !!!
ตบท้ายก็จะมีลูกอมซองสีเขียว YUFUIN NO MORI มาแจกให้ฟรี ก่อนถึงสถานีปลายทาง ชอบขบวนนี้มากบอกเลย
ถึงสถานี HAKATA ประมาณ ทุ่มกว่า ๆ แล้วเราจองรถไฟไปยังเมืองคุมาโมโต้ ตอน 3 ทุ่มกว่า เราเลยหาอะไรกินในสถานีฮากาตะ ง่าย ๆ เลย แล้วมารอรถไฟ SHINKANSEN
มาดูป้ายและชานชาลา เราก็ว่าถูกนะเพราะจองรถไฟ SHINKANSEN TSUBAME ซึ่งอ่านรีวิวเยอะ ๆ รถไฟ TSUBAME มันใช้รถ 800 series แต่คันที่จอดมันเป็นรถ N700 series
มาดูป้ายด้านบนมันก็เขียนถูกชานชาลาว่า SHINKANSEN TSUBAME 351 ไปยังสถานี KUMAMOTO
มาดูด้านข้างไอ้ขบวน N700 series มันเขียนชัดเลย TSUBAME 351 งั้นไม่ต้องคิดมากถูกขบวนแน่นอน แต่เสียใจตรงที่เราตั้งใจจะมาขึ้นตัวขบวน TSUBAME 800 series มากกว่า
ของเราเป็นขบวน TSUBAME แบบ 8 ตู้เราก็ดูป้ายสีเขียว แล้วเราได้ตู้ที่ 6 ก็หาป้ายหมายเลข 6 ( ในรูปใครเป็นขบวนแบบ 6 ตู้ก็ดูป้ายสีฟ้าว่ามันคือตู้ที่เท่าไหร่ )
ตู้เราแบ่งครึ่งกับที่นั่ง Green Car หรือชั่นบิสเนสของ SHINKANSEN เดียวเราเดินผ่านโซนนี้ละกัน ขอดูที่นั่ง Green Car สักหน่อย
ที่นั่งชั้น Green Car ทีนั่งใหญ่กว่าและกว้างกว่าธรรมดาเยอะมาก มีไฟตรงที่นั่งเหมาะกับการอ่านหนังสือ
ใช้เวลานั่งจากสถานี HAKATA มายังสถานี KUMAMOTO ใช้เวลาในการเดินทาง 50 นาที มาถึงก็ดึกแล้ว ราวๆ 4 ทุ่มกว่า เราก็รีบเดินตามเจ้า Kuro ออกไปทางด้านหน้าสถานี KUMAMOTO เพื่อไปยังที่พัก
คืนนี้เรานอนพักที่โรงแรม Toyoko Inn Kumamoto Ekimae ซึ่งออกมาจากสถานี KUMAMOTO เดินออกมาแล้วออกมาทางขวามือเดินมา 5 นาทีก็ถึงที่พักครับ คืนนี้ขอตัวนอนเพราะดึกมากแล้ว
Final ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องราวของผมในตอนแรกในการเดินทางไปยังญี่ปุ่นนะครับ ผิดถูกยังไงก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยแล้วกัน ชอบเรื่องราวการเดินทางของผมคิดว่ามีประโยชน์กับการเดินทางของท่านก็ฝากกด Like กด Share หรือบอกต่อ ๆ กันไป หวังว่าเรื่องราวการเดินทางของทางเราจะมีประโยชน์นะครับ
ติดตามตอนเรื่องราวการเดินทางวันที่ 3 ได้ที่นี้ : วันที่สามของการเดินทาง ::: เที่ยวปราสาทคุมาโมโตะ ตามรอยละครตามหา ศาลเจ้ากลกิโมโน :::
T R A V E L – J A P A N – 2 0 1 5
- Travel Japan 2015 : Day 1
- Travel Japan 2015 : Day 2
- Travel Japan 2015 : Day 3
- Travel Japan 2015 : Day 4
- Travel Japan 2015 : Day 5
- Travel Japan 2015 : Day 6
- Travel Japan 2015 : Day 7
- Travel Japan 2015 : Day 8
- Travel Japan 2015 : Day 9
- Travel Japan 2015 : Day 10
- Travel Japan 2015 : Day 11