Travel China 2014 ::: วันที่สามของการเดินทาง Shenzhen To Guangzhou ( เซินเจิ้น ถึง กวางโจว ) :::
Travel China 2014 : Day 3 วันที่สามของการเดินทาง
ติดตามอ่านบทนำ ข้อมูลก่อนเดินทางทริปนี้ได้ที่นี้
+ Travel China 2014 : Macau – Hong Kong – Guangzhou
+ ตอนที่ 1 : วันแรกของการเดินทาง Macau To Hong Kong ( มาเก๊า ถึง ฮ่องกง )
+ ตอนที่ 2 : วันที่สองของการเดินทาง Hong Kong To Shenzhen ( ฮ่องกง ถึง เซินเจิ้น )
เข้าสู่เช้าวันที่ 3 ของการเดินทางแผนของทีมเราคือเดินทางไปยังเมืองกวางโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ด้วยรถไฟความเร็วสูง ( CRH ) จากสถานีหลอ ฮู่ ( Lo Wu ) ที่เซินเจิ้น ไปยังสถานี กวางโจว ตะวันออก ( Guangzhou East ) ชื่อทางภาษาจีน กวางโจว ตงจ้าน เอาของเก็บที่พักแล้วไปยังเมือง ฝอซาน ( Foshan ) ซึ่งเป็นเมืองหนึงใน มณฑลกวางตุ้ง เดินจากกวางโจวไปไม่ไกลใช้รถไฟฟ้าใต้ดินไปได้เลย แล้วค่อยกลับมาเที่ยวยังกวางโจว ติดตามการท่องเที่ยววันที่สามกันเลยครับ
เช้าวันนี้เรานัดกัน 8 โมงเจอกัน Lobby เช้าผมกับพี่อีกคนออกไปหาของกินกันก่อน ซึ่งการนอนที่ตงเหมินจะดีอยู่อย่างเช้าด้านหน้าทั้ง KFC และ Mcdonald เปิด 24 ชม. ทำให้มีของกินกันตลอด
เข้า KFC กันก่อนก็จะมีเมนูเป็นอาหารเช้าเป็น SET ชุดโจ๊ก ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้
ชุดนึงราคาไม่แพงครับ 7 – 8 หยวน แล้วแต่เราจะเอาอะไรมั้ง
ซื้อจาก KFC เสร็จมาต่อของพี่อีกคนที่ร้าน Mcdonald ซึ่งในร้านจัดร้านเข้ากับบรรยากาศฟุตบอลโลกกันเลยทีเดียว
เท่านั้นยังไม่พอในร้านมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกกันด้วย ในร้านมีคนนั่งดูอยู่หลายคนเหมือนกัน
อาหารเช้าของกระผมในเช้านี้ชุดอาหารเช้าของ KFC
กินอิ่มก็เดินทาง Check Out ออกจากโรงแรมลงรถไฟฟ้าใตดินที่ Laojie กลับไปยัง Lo Wu ทางที่มาเมื่อวาน เพื่อไปขึ้นรถไฟความเร็วสููง CRH ที่สถานี Lo Wu ซึ่งอย่าลืมนะครับซื้อตั๋วรถไฟในจีน ต้องใช้ Passport ในการซื้อตั๋วด้วย ส่วนวิธีการซื้อหาเอาใน Review เก่า ๆ ของเราดูนะครับ พอได้ตั๋วก็ต้องรีบวิ่งเลยเพราะอีก 10 นาทีรถจะออกแล้ว
รถไฟที่เมืองจีนออกตรงรามเวลานะครับ แต่คงเช้าไปมั้งขึ้นไปบรไฟเห็นแต่มีคนหลับ
เช้า ๆ แบบนี้ใครอยากทานกาแฟ หรือ อยากกินข้าวเขามีขายนะครับ พนักงานชุดเหลืองเขามีเข็นมาขายราคาจะแพงกว่านิดหน่อย
จากเซินเจิ้นไปยังกวางโจว ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที ฉะนั้นเรานอนหลับต่อได้ แต่อย่าหลับเลยนะครับ เพราะขบวนที่ผมนั่งนี้มันไปสุดที่สถานีกวางโจวใหญ่ เป็นสถานีสุดท้าย ซึ่งที่ผมจะลงคือสถานีกวางโจว ตะวันออก มันจะถึงก่อนสถานีกวางโจวใหญ่
แอบมาดูตู้เสบียงของจีนมั้ง ที่นั่งจัดเป็นสัดส่วนกว้างขวางมากนั่งสบายใครจะมานั่งทานตรงนี้ก็ได้ครับ
ตรงเวลามาก เตรียมตัวลงกันได้ในรถไฟจะมีป้ายไฟวิ่งบอกตลอดนะครับว่าตอนนี้รถวิ่งที่ความเร็วเท่าไหร่ อากาศข้างนอกเท่าไหร่ และสถานีหน้าคือสถานีไหน จะบอกเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ สลับกัน ซึ่งสถานีหน้าที่เราจะลงคือสถานี GuangzhouDong หรือ กวางโจวตงจ้าน นั้นเอง
ถึงที่หมายแล้วครับ ก็จะมีพนักงานรถไฟยืนออกมาส่งตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะไปยังสถานีถัดไป
จะออกจากชานชาลา ดูป้ายเขียว ๆ ที่เขียน Exit แล้วเดินไปตามป้ายเลยครับไม่หลงแน่นอน
เราออกจากสถานีก็ไปเอาของฝากที่โรงแรมก่อนเลย ผมนอนที่เดิมครับเพราะมันง่ายต่อการเดินทางไปไหนต่อไหนนั้นคือ โรงแรมม Shanshui Trends Hotel
ห้องนอนพี่พักก็ยังเหมือนเดิมใหญ่กว้างมาก นอนได้กับราคาแค่ พันนิด ๆ จองผ่านทาง Agoda เหมือนเดิม
ดูรีวิวโรงแรมม Shanshui Trends Hotel >>
การเดินทางในกวางโจวจะง่ายขึ้นถ้าท่านมีบัตร หยางเชิงทง บัตรนี้ซื้อไว้ตั้งแต่มาเที่ยวกวางโจวครั้งแรกตั้งแต่ปี 2009 ปัจจุบันมันก็ยังใช้ได้อยู่แค่เอาไปเติมเงินที่ 7-11 เท่านั้น เติมขั้นต่ำครั้งละ 50 หยวน บัตรใช้ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน รถเมล์ หรือใช้ซื้อของใน 7-11 ก็ได้สะดวกมาก ๆ
เก็บกระเป๋าเสร็จทำธุระแล้วออกเดินทางต่อเราใช้รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีเหลืองจากสถานี Guangzhou East Railway Station ไปลงยังสถานี Fangcun เพื่อไปกินติ๋มซำที่นี้กันก่อนเพราะมันใกล้เที่ยงแล้ว
พอถึงสถานี Fangcun ออก Exit C ขึ้นมามองไปทางด้านหน้าจะเจอรูปปั้นอยู่ขวามือ แบบนี้ให้เดินเลยตรงขึ้นไปเลยครับจะผ่านร้านอาหารทะเลขึ้นไปทางสี่แยก ร้านจะอยู่ทางด้านขวามือ
ก็จะเจอร้านขายติ๋มซำสังเกตุได้จะมีคนมาต่อแถวซื้อกันเยอะอยู่ เพราะราคาถูกแต่คุณภาพแน่นกันเลยทีเดียว แต่ร้านนี้ไม่มีที่นั่งกินนะเราต้องซื้อใส่ถุงแล้วมานั่งกินกันตรงสวนสาธารณะตรงที่มีรูปปั้นอยู่ ตรงนั้นจะมีเก้าอี้นั่งเยอะและมีร้านขายน้ำอยู่ใกล้
กินเสร็จก็ไปต่อลงรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานี Fangcun ไปจนสุดสายที่สถานี Xilang เขาจะมีป้ายบอกเปลี่ยนขบวนรถไปสายสีเขียวอ่อนซึ่งเป็นรถไฟของเมืองฝอซาน ซึ่งไม่ต้องเสียเงินเพิ่มหรือต้องแตะบัตร หยางเชิงทง ไปแปะเอาสถานีที่ออกเลยคือ Zumiao
จากสถานีที่เราเปลี่ยนรถ Xilang ไปยังสถานี Zumiao ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีในการเดินทางนะครับ
ออกมาจากสถานี Zumiao ขึ้นมาทางออกที่ Exit C เขียนว่ามา Zumiao Temple ออกมาด้านนอกสถานีเลี้ยวขวาเดินตามทางจะเจอแยกใหญ่และมีห้าง Hua Hui Plaza อยู่ตรงหน้าเราไม่ต้องข้ามถนนนะครับ พอถึงแยกให้เลี้ยวขวาเดินทางเท้าไปเลยครับ
เดินไปประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วครับจะเจอกำแพงหินแบบนี้อยู่ทางขวามือ ถ้าเจอก็มาถูกทางแล้วครับ
ถึงแล้ววัดจูเหมี่ยว หรือถ้าภาษาอังกฤษจะอ่านออกเป็น ซูเหมี่ยว วันนี้มาด้านหน้าทางเข้าวัดมีการรวมตัวของกลุ่มเล่นสเก็ตบอร์ด กลุ่มใหญ่มาเลยในจีนมาทำรายการกันตรงหน้าวัดนี้ละครับ เพราะด้านหน้าวัดเป็นลานโล่งขนาดกลาง ๆ สามารถทำกิจกกรรมได้หลากหลาย
จะเข้าไปยังด้านในต้องไปซื้อตั๋วกันก่อนนะครับ ห้องจำหน่ายตั๋วจากประตูทางเข้าอยู่ด้านซ้ายมือของวัดจูเหมี่ยว
อัตราค่าเข้าเยี่ยมชมวัดจูเหมี่ยว ผู้ใหญ่อยู่ที่ราคา 20 หยวนนะครับ
ได้ตั๋วมาแล้ว หน้าตาตั๋วเข้าวัดจูเหมี่ยว เก็บไว้เป็นที่ระลึก ^^
เข้ามาด้านในวัดนี้เป็นวัดในลัทธิเต๋า เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองฝอซานมากว่า 700 ปี สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ค.ศ.1372 และในวัดจูเหมี่ยวแห่งนี้ยังมีอีก 2 สถานที่นั้นคือ สำนักมวยของคนที่เรียกว่าปรมาจารย์ หมัด หย่งชุน นั้นคือ อ.ยิปมัน และอีกท่านคือ อ.หวงเฟยหง
เริ่มจากเข้ามาดูยังพิพิธภัณฑ์ของ อ.ยิปมัน กันก่อนจะเจอภาพวาดขนาดใหญ่ของ อ.ยิปมัน
ส่วนจัดแสดงหนังที่นำเรื่องราวชีวิตของ อ.ยิปมัน มาเสนอซึ่งในภาค 1-2 นั้นเป็๋น ดอนนี่ เยน รับบทเป็น อ.ยิปมัน เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเขายึดเมืองจีน ถ้าใครเคยได้ดูหนังเรื่องนี้
หนังสือการเผยแพร่กังฟู ซึ่งคนที่ออกนำเผยแพร่ในตอนนั้นก็คือ บรูซ ลี ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของ อ.ยิปมัน
ประวัติของ อ.ยิปมัน เป็นชาวเมืองฝอซาน มาตั้งแต่กำเนิดก่อนย้ายไปอยู่ฮ่องกง ประวัติสามารถหาอ่านได้ใน Wikipedia ได้เลยครับ
รูปภาพการฝึกซ้อมของ อ.ยิปมัน กับท่อนไม้ ซึ่งถ้าใครเคยได้ดูหนังเรื่องยิปมัน เราจะชินตามากกับการฝึกกับท่อนไม้
รูปปั้นของปรมาจารย์ อ.ยิปมัน จะถูกตั้งไว้ด้านในสุดของส่วนจัดการแสดงของพิพิธภัณฑ์
ภาพที่ถูกบันทึกไว้ของ อ.ยิปมัน ทั้งชีวิตครอบครัว คนดังต่าง ๆ ที่มาพบกับ อ.ยิปมัน รวมทั้งลูกศิทย์อย่าง บรูซ ลี
ท่อนไม้ ซึ่งมันมีชือเรียกแต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ^^! เป็นอุปกรณ์ที่ อ.ยิปมัน เอาไว้ใช้ฝึกฝนเพลงหมัดหย่งชุน
เพื่อนผมก็เอากับเขาซักหน่อย ขอลองมั้งว่ามันฝึกเพลงหมัดอย่างไง ?
เดินออกจากพิพิธภัณฑ์ ของปรมาจารย์ อ.ยิปมัน ก็เดินตรงเข้าไปชั้นในอีกซึ่งจะเป็นส่วนของวัดจูเหมี่ยว และพิพิธภัณฑ์ของ อ.หวง เฟย หง
ป้ายผ้าแดงที่ผูกติดราวในวัดจูเหมี่ยวและบนต้นไม้เต็มไปหมด แต่ผมไม่รู้ความหายของมัน
มาถึงด้านหน้าของทางเข้าด้านหน้าวัดจูเหมี่ยว เข้าไปไหว้พระกันก่อนที่จะเข้าไปยังส่วนของพิพิธภัณฑ์
แต่รูปปั้นในวัดนี้มันเหมือนไม่ตั้งตรงมันจะเอียง ๆ ออกมา และห้ามแตะตัวเทพเหล่านั้นด้วยนะครับ
ภายในวัดมีเทพเสียนอู่ตี้ หรือเทพเจ้าเหนือ ( God of the North ) เป็นประธานของวัด
ออกมาด้านข้างจะเป็นลานที่ไว้ใช้แสดงการเชิดสิงโต ซึ่ง อ.หวงเฟยหง จะถนัดการเชิดสิงโตเป็นอย่างมาก ตามประวัติ
รูปั้นของ อ.หวงเฟยหง ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องก่อนจะเข้าไปยังส่วนของพิพิธภัณฑ์
บ้านหรือสำนักฝึกมวยของ อ.หวงเฟยหง ซึ่งตอนนี้ใช้จัดแสดงประวัติความเป็นมาและของใช้ของ อ.หวงเฟยหง
ภาพวาด อ.หวงเฟยหง ตั้งอยู่ด้านในซึ่งผมเขาว่าเป็นภาพเดียวที่มีการวาดในยุคนั้น เพราะเดินในบ้านไม่เห็นภาพว่าของ อ.หวงเฟยหง เลย
บนชั้น 2 นั้นจะเป็นที่เก็บพวกของใช้ของ อ.หวงเฟยหง เช่นพวกเสื้อผ้า อาวุธ หัวเชิดสิงโต และคนที่เคยที่เคยแสดงรับบทเป็น อ.หวงเฟยหง ก็ไม่ใช่ใครคือ เฉิน หลง
ตอนนี้ใกล้จะบ่าย 2 โมงแล้วทีมเราก็ลาจากที่นี้ไปยังจุดหมายต่อไปของเราคือไปยัง กวางโจว ทาวเวอร์
ขากลับก็เดินกลับมายังแยกทางเดิมนั้นเลยครับ มาลงรถไฟสถานีเดิม แถวนี้พอตกบ่ายคนยื่งเยอะกว่าตอนขามาอีก
การเดินทางจากฝอซานกลับไปกวางโจวก็สามารถใช้ บัตรหยางเชิงทง ได้เลยนะครับ เราไปจากสถานี Zumiao ไปต่อขบวนสายสีเหลืองที่ Xilang เหมือนที่เรามา แล้วนั่งสายสีเหลืองยาวไปลง Tiyu Xilu เปลี่ยนขบวนขึ้นสายสีส้มไปยัง Chigang Pagoda ( ตอนหลังเขาเปลี่ยนชื่อสถานีเป็น Canton Tower )
<
ลงสถานีไปตามป้ายเลยครับ ไปยัง Canton Tower ซึ่งก็คือหอส่งสัญญาณ กวางโจว ทาวเวอร์ นั้นเอง
ออกมาจากรถไฟฟ้าใต้ดินก็จะเห็นแล้ว หอส่งสัญญาณกวางโจว ทาวเวอร์ ที่ปัจจุบันมีความสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก เปิดใช้งานช่วงเปิดพิธีเอเชียนเกมส์ปี 2010 ที่กวางโจวเป็นเจ้าภาพ
การขึ้นไปด้านบนก็ต้องไปซื้อตั๋วขึ้นกันก่อนนะครับ ไปตรงนี้เลยครับ West Ticket Office เพราะใกล้กับจุดที่เราออกมาจากสถานีรถไฟฟ้า
สถานที่แห่งนี้ได้รับดาวถึง 4 ดวงด้วยกัน ซึ่งประเทศจีนเขาจะจัดลำดับของสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ สำหรับนักท่องเที่ยวกันที่ดาวนะครับ ระดับสูงสุดคือ 5 ดาว
ราคาค่าตั๋วเข้าชม ซึ่งในตัวหอส่งสัญญาณนี้จะมีกิจกรรมให้เล่นหลายอย่างอยู่ที่เราจะซื้อแบบไหน แต่ถ้าขึ้นไปดูวิวเฉย ๆ ราคาอยู่ที่ 150 หยวน
นี้ไงได้มาแล้วตั๋วของที่นี้ ซื้อแบบชมตึกธรรมดา 150 หยวน จะมีส่วนที่เป็นโปสการ์ดที่ระลึกไว้ให้ด้วย
แบบแปลนของตัวหอส่งสัญญาณว่าอะไรอยู่ชั้นไหนกันบ้าง
แบบจำลองของเขต CBD หรือเมืองใหม่ของกวางโจวลุ่มแม่น้ำจูเจียง ซึ่งประกอบไปด้วย กวางโจว ทาวเวอร์ , พิพิธภัณฑ์ นครกวางโจว , หอสมุด นครกวางโจว และสนามกีฬาโอลิมปิก ที่ใช้ในการเปิดพิธีเอเชี่ยนเกมส์ปี 2010
เดินตามป้ายไปเลยครับ เพื่อขึ้นลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนของตัวหอส่งสัญญาณ
เรามาเริ่มต้นกันที่ชั้น 1F ที่มีความสูง 0.0 M ก็คือชั้นแรกที่เราเข้าในตัวอาคารนั้นละ
ขนาดลิฟท์ไม่เร็วเท่าไหร่แต่ทำให้หูอื้อได้ !!
ลิฟท์พามาส่งเราชั้นบนก่อนเลยชั้นที่ 108 ด้วยความสูง 433.2 M
ส่องไปดูวิวด้านนอก แต่เนื่องด้วยฝนกำลังจะตกฟ้ามันเลยมืด ด้านนี้จะเห็นฝั่งของแม่น้ำจูเจียง หรือ แม่น้ำไข่มุก
ตึกสีขาวคือ หอสมุดใหม่ นครกวางโจว , ส่วนตัวตึกเหลี่ยม ๆ สีดำ คือ พิพิธภัณฑ์ นครกวางโจว
จุดขายโปสการ์ด และสแตมป์ที่ระลึกสามารถส่งจดหมายได้จากตรงนี้เลย มีบริการส่งจาก China Post Office
มีตัวแบบย่อของตัวหอส่งสัญญาณให้ถ่ายรูปกันด้วย
จากชั้น 108 ก็ลงมาเดินเล่นต่อที่ชั้นที่ 107 ชั้นนี้มีไอติมขายด้วยนะงับ อันละ 7 หยวน
ส่วนใครจะเล่นกิจกรรมด้านบนก็ขึ้นลิฟท์ด้านหลังขึ้นไปอีก ถ้าไม่มีตั๋วเจ้าหน้าที่เขาจะไม่ให้ขึ้นไปด้านบน
แต่เราไปถ่ายรูปตรงจุดที่มันยื่นออกไปตัวหอส่งสัญญาณที่พื้นมันจะเป็นกระจกใส
เรามองลงไปตรงพื้น จะเห็นข้างล่างชัดและรู้เลยว่ามันสูงมาก
แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องจากที่นี้ละครับ เพราะเดียวจะไปดูกายกรรมไม่ทันเพราะตอนนี้จะ 5 โมงเย็นแล้ว
ลงมาจากหอส่งอย่างรวดเร็วเพราะคนไม่เยอะ แต่ที่รีบเพราะฝนกำลังจะตก ออกมาทาง West Tower แล้วลงรถไฟฟ้าใต้ดินไปเลยจากสถานี Chigang Pagoda ไปยังสถานี Hanxi Changlong เพื่อไปยัง Chang Long International Circus
ออกจากสถานี Hanxi Changlong ฝนตกหนักมากเลยต้องรีบวิ่งมาขึ้นรถบัส แต่ตอนเข้าไปถึงด้านในฝนเริ่มเบา เราก็ลงรถบัสฟรีหน้า Chang Long International Circus เพื่อซื้อตั๋ว
ราคาปัจจุบันที่นั่งปรกติอยู่ที่ 280 หยวน แบบจองที่นั่งไม่ได้ด้วยนะครับ คือเข้าไปก่อนได้เลือกที่นั่งก่อน
ยังดีว่ามาถึง 6 โมงกว่า ๆ ยังมีเวลากินข้าวด้านในจะมีร้านอาหารขนาดใหญ่จำหน่ายนะครับ ราคาไม่แพงมากกินได้อยู่ อยากกินอะไรก็ไปหยิบใส่ถาดซึ่งเขาจะมีราคาบอกอยู่แล้วมาคิดตังค์ ตอนสุดท้ายตรงทางออก
กินเสร็จเราก็รีบมานั่งจองที่ ถึงตั๋วมันจะเล่นทุ่มครึ่ง แต่ตั๋วมันไม่ได้ระบุที่นั่ง คือใครมาก่อนได้ที่นั่งดีไปขนาดยังไม่ทุ่มที่นั่งจะเต็มเอาแล้ว เพราะครั้งที่แล้วเมื่อ 2 ปีก่อนต้องนั่งกันตรงบันไดกันเลย คนเยอะมากยิ่งเป็นวันหยุดเสาร์ อาทิตย์
เริ่มต้นการแสดงเวลาทุ่มครึ่ง
อันนี้ขับกันเข้าไปได้ยังไงลูกลกม ๆ ไม่ใหญ่เข้าไปกัน 6 – 7 คันเสียวแทน
การมาดูโชว์ที่นี้ประทับใจทุกครั้งเพื่อน ๆ ที่มาด้วยซึ่งไม่เคยมาดูยังบอกชอบกันเลยสนุกดี โชว์เลิกประมาณ 3 ทุ่ม คนจะเยอะมากเวลาออกไม่ต้องรีบนะครับออกทีหลังเขาก็ได้ เพราะไงมันต้องไปรอขึ้นรถบัสกันอีก และใช้สูตรเดิมเดินไปที๋โรงแรม เข้าห้องน้ำอะไรให้เรียบร้อยเพราะห้องน้ำตรงโรงแรมห้าดาวตรงนี้สะอาดมาก ๆ อีกอย่างท่ารถมันจอดอยู่ด้านข้างตัวโรงแรมไม่ไกล
ขากลับตอนนั่งรถไฟกลับตอนแรกว่าจะกลับโรงแรม แต่มาเปลี่ยนใจเพราะไม่เคยไปถ่ายรูปกวางโจว ทาวเวอร์ ตอนเปิดไฟเลย ก็เลยจาก Hanxi Changlong เรานั่งสายสีส้มมาลงยัง Zhujiang New Town เพื่อไปถ่ายรูปแม้ว่าตอนกลับนี้จะ 4 ทุ่มกว่าแล้วก็ตาม
ระหว่างทางเดินจากสถานี Zhujiang New Town ไปยังลานที่เขาถ่ายรูปกัน ยังมีร้านขายอาหารเปิดหิวก็กินได้ แถวนั้นคนยังอยู่เยอะครับ
ตอนเราไปถึงเกือบ 4 ทุ่มแล้วบางอาคารเขาปิดไฟกันแล้วที่นี้เขาจะมีเวลาเปิดปิดไฟด้วยนะครับ
แต่พระเอกของเรายังเปิดไฟอยู่แล้วไล่สีสันน่าดู คนมาถ่ายรูปกันเยอะ
แล้วบริเวณตรงพื้นตรงลานกว้าง ๆ นั้นจะมีไฟเปลี่ยนสีไปตามที่หอส่งสัญญาณกวางโจว ทาวเวอร์ เปลี่ยนสีแถวนั้นไฟแสงสีจัดเต็มมาก
ดูจากพื้นจะรู้ได้ว่าช่วงที่ดูโชว์นั้นที่นี้ฝนตกหนัก
รูปสุดท้ายของวันที่สามของการเดินทาง ทิ้งไว้กับรูปที่ถ่ายหน้าหอสมุดใหม่ นครกวางโจวนะครับ อ้อ ตอนเราขากลับไปโรงแรมตอนนั้นจะเที่ยงคืนแล้วรถไฟฟ้าใต้ดินหมดแล้ว เราเลยนั่ง Taxi ไปยังโรงแรมจากตรงนี้ไปโรงแรมที่สถานีรถไฟกวางโจว ตะวันออกไม่ไกลครับค่า Taxi 14 หยวน และติดตามตอนจบนะครับ
Final ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องราวของผมในตอนแรกในการเดินทางไปยังมาเก๊า , ฮ่องกง และจีน นะครับ ผิดถูกยังไงก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยแล้วกัน ชอบเรื่องราวการเดินทางของผมคิดว่ามีประโยชน์กับการเดินทางของท่านก็ฝากกด Like กด Share หรือบอกต่อ ๆ กันไป หวังว่าเรื่องราวการเดินทางของทางเราจะมีประโยชน์นะครับ
ติดตามตอนเรื่องราวการเดินทางวันที่ 4 ได้ที่นี้ : วันสุดท้ายของการเดินทางยังอยู่ที่นคร Guangzhou ( กวางโจว )
Travel China 2014
- Travel China 2014 ::: วันแรกของการเดินทาง Macau To Hong Kong ( มาเก๊า ถึง ฮ่องกง ) :::
- Travel China 2014 ::: วันที่สองของการเดินทาง Hong Kong To Shenzhen ( ฮ่องกง ถึง เซินเจิ้น ) :::
- Travel China 2014 ::: วันที่สามของการเดินทาง Shenzhen To Guangzhou ( เซินเจิ้น ถึง กวางโจว ) :::
- Travel China 2014 ::: วันสุดท้ายของการเดินทางยังอยู่ที่นคร Guangzhou ( กวางโจว ) :::